การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบริการรับส่งผู้โดยสารเรียกผ่านโมบายระหว่าง 2 ผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนอย่าง Didi Chuxing และ Uber China ทำให้ทั้งสองบริษัทต้องระดมทุนรอบใหม่อีกหลายพันล้านดอลล่าร์เพื่อสะสมกำลังทุนให้สามารถไปถึงจุดทำกำไรและเบียดคู่แข่งลงไปให้ได้
Didi Chuxing ระดมทุนรอบล่าสุดไปมากกว่า 7.3 พันล้านดอลล่าร์ โดยได้เงินลงทุน 1 พันล้านดอลล่าร์จากบริษัท Apple Inc. 2.5 พันล้านดอลล่าร์ในรูปแบบการลงทุนกู้ยืมจากธนาคารขนาดใหญ่ชื่อ China Merchant Bank รวมถึงเงินอีกกว่า 360 ล้านดอลล่าร์จากบริษัทประกันอย่าง China Life Insurance ทำให้มีเงินลงทุนทั้งหมดที่ยังใช้ได้อีกกว่า 1.05 หมื่นล้านดอลล่าร์ ส่วน Uber นั้น แม้จะต้องขาดทุนปีละมากกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์เพื่อแข่งกับ Didi ในตลาดจีน แต่ก็ยังได้รับเงินลงทุนก้อนโตถึง 3.5 พันล้านดอลล่าร์จากนักลงทุนเพียงรายเดียวคือ “กองทุนความมั่งคั่งของซาอุดิอาระเบีย” ทำให้ระดมทุนรอบล่าสุดได้ 5 พันล้านดอลล่าร์ และมีเงินให้ใช้แข่งขันอีกกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลล่าร์
ในปัจจุบันบริษัท Didi Chuxing เริ่มทำกำไรแล้วใน 200-400 เมืองที่ธุรกิจเข้าทำตลาด โดยคาดว่าจะเริ่มทำกำไรสำหรับทั้งบริษัทในเร็วๆนี้และเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์คได้เร็วถึงปีหน้า สำหรับ Uber China รายงานว่าบริษัทมาถูกทางแล้ว และกำลังจะเข้าสู่การทำกำไรได้สำหรับทุกๆเมืองในจีน โดยมีตัวเลขการใช้จ่ายต่อเที่ยวโดยสารลดลงจากปีก่อนมากถึง 80%
ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงและการระดมทุนแบบนี้ ทำให้นักลงทุนบางรายคาดว่าทั้งสองบริษัทคือ Uber China และ Didi Chuxing อาจร่วมมือกันโดยการควบรวมกิจการในที่สุด ทำให้กลายเป็นผู้เล่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในธุรกิจนี้ “เพียงรายเดียว” ในประเทศจีน ในตลาดการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า มีนักลงทุนในบริษัท Didi, Uber China, Uber Global เชื่อว่าการควบรวมกิจการเป็นไปได้ถ้าการตกลงเรื่องโครงสร้างการถือหุ้นและการประเมินมูลค่าบริษัทที่เหมาะสมสามารถทำได้ โดยในปัจจุบัน Uber เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลล่าร์ และ Didi Chuxing ใหญ่เป็นอันดับ 3 ที่มูลค่าประมาณ 2.8 หมื่นล้านดอลล่าร์
การแข่งขันในธุรกิจบริการรับส่งผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นในจีนรุนแรงตั้งแต่ก่อน Uber ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดจีน โดยผู้เล่นที่เป็นผู้นำของจีนสองรายคือ Didi Dache และ Kuaidi Dache ถือหุ้นโดย Alibaba Group Holdings และ Tencent Holdings ประกาศควบรวมกิจการกันในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ที่ผ่านมา โดยช่วงนั้นมีผู้ใช้งานเรียกแท็กซี่จากทั้งสองบริษัทมากกว่า 150 ล้านคนต่อวัน ต่อจากนั้นบริษัทที่ควบรวมใหม่จึงเปลี่ยนชื่อจาก Didi Kuaidi เป็น Didi Chuxing คู่แข่งเบอร์ 1 ของ Uber China ในปัจจุบัน
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown