#แนวคิดด้านการลงทุน

JP Morgan Chase และ Bank of America จับมือกัน ให้บริการโอนเงินเรียลไทม์

โดย ธีรัตม์ กฤตยาภัทร
เผยแพร่:
255 views

ธนาคารรายใหญ่ของอเมริกาอย่าง JP Morgan Chase ร่วมมือกับคู่แข่งอย่าง Bank of America และ US Ban Corp เปิดให้บริการโอนเงินระหว่างธนาคารแบบเรียลไทม์แข่งกับธุรกิจฟินเทคคู่แข่งอย่าง Paypal ซึ่งถือธุรกิจบริการโอนเงินระหว่างผู้ใช้แบบเรียลไทม์ที่โด่งดังในอเมริกาอย่าง “Venmo” อยู่ในพอร์ตโฟลิโอ โดยในระบบ Quick Chase Pay ในปีก่อนมีการโอนเงินระหว่างผู้ใช้ทั้งปีมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลล่าร์ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า JP Morgan Chase คาดว่าการร่วมมือกับ BofA และธนาคารอื่นๆชั้นนำอีกมากจะเข้ามาร่วมมือกันในโลกออนไลน์เป็นระลอกใหญ่อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 30-60 วันข้างหน้านี้

ล่าสุดบริษัท Royal Dutch Shell ประกาศร่วมมือกับบริการชำระเงินออนไลน์อย่าง “Chase Pay” ให้ลูกค้าผู้เข้าใช้บริการเติมน้ำมันสามารถจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่นของ Shell และ Chase Pay เองได้ด้วย โดยผู้เข้าใช้บริการสถานีบริการน้ำมันของ Shell มีมากถึง 20 ล้านคนต่อวัน โดยโมเดลลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นกับบริการชำระเงินออนไลน์ของจีนอย่างบริษัท CNPC และ Alipay ในเครือ Alibaba Group Holdlings ซึ่งการเปิดให้บริการชำระเงินออนไลน์ผ่านโมบายนี้เกิดขึ้นในกลุ่มธนาคารชั้นนำของอเมริกาทั้ง JP Morgan Chase, Capital One และ Wells Fargo

นอกจากการพันธมิตรกับผู้ให้บริการน้ำมันที่มีเครือข่ายของลูกค้าจำนวนมหาศาลรอบอเมริกาแล้ว JP Morgan Chase ยังเข้าร่วมมือกับร้านค้าปลีกที่มีสาขาจำนวนมากหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือบริษัท Starbucks Corp. ซึ่งมีสาขามากกว่า 12,000 สาขาในอเมริกา ซึ่ง Chase Pay ได้เข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นโมบายของ Chase มีอยู่ประมาณ 20 ล้านคน

แม้ว่าธนาคารหลายแห่งจะร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทฟินเทคมากมาย แต่ในปัจจุบัน กลุ่มธนาคารมีแนวโน้มที่จะใช้ประโยชน์จากการมองเห็นความเป็นไปได้ของรูปแบบธุรกิจของฟินเทค และเริ่มร่วมมือกันสร้างเครือข่ายระหว่างธนาคารเพื่อให้บริการลักษณะเดียวกันมากขึ้น ตามพฤติกรรมของลูกค้าที่ยอมรับการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านโมบายมากขึ้นประกอบกับความได้เปรียบเรื่องฐานลูกค้าที่มีมากกว่าของธนาคารอยู่แล้ว

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง Gartner คาดว่าตลาดชำระเงินผ่านโมบายจะมีขนาดใหญ่ถึง 7.2 แสนล้านดอลล่าร์ในปี 2017 หรือประมาณ 350% ของมูลค่าปี 2013 ประกอบกับมูลค่าธุรกรรมค้าปลีกรอบโลกที่มีขนาดใหญ่เกือบ 16 ล้านล้านดอลล่าร์ทำให้ศักยภาพของตลาดชำระเงินผ่านโมบายมีสูง เป็นการดึงให้ผู้เล่นเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้มากรายรอบโลก

โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายบริษัทอย่าง Google ผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีในกลุ่มผู้บริโภคอย่างสมาร์ทโฟนนำโดยบริษัท Apple, Samsung, Xiaomi รวมถึงผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นในเครือสังคมออนไลน์ กลุ่ม messaging และฟินเทคอย่าง LINE (Line Pay), WeChat (Tenpay), Paypal หรือแม้กระทั่งอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba (Alipay) ต่างเข้ามาในตลาดธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านโมบายทั้งหมด ในกลุ่มนี้ยังไม่รวมบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านโมบายของกลุ่มธนาคารที่แทบจะเปิดให้บริการกับลูกค้าในเครือแล้วอีกหลายแห่งด้วย

บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown

 


ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ MoneyCrown ที่เน้นสาระความรู้และการวิเคราะห์บริษัทจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นหุ้นเติบโต (growth stock) ที่ราคาสมเหตุสมผล มีเงินปันผลสูง และเติบโตต่อเนื่อง

ประสบการณ์การทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ (Management Consulting) ที่ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

ประวัติการศึกษา:

- ปริญญาตรี: คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท: MS in Management, Cass Business School, London

- ปริญญาโท: MS in Management Science & Engineering, Columbia University in the City of New York

นอกเหนือจากความสนใจหาหุ้นที่น่าสนใจโดยอาศัยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังสนใจการลงทุนในต่างประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดจีน ตลาดอเมริกา เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเรื่องราวของ tech startup ที่อเมริกาอีกด้วย

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง