เคลียร์หลังบ้าน ลาออกจากงานประจำ ออกจาก (ภาพ) รายได้ที่มั่นคง ก็ไม่แปลกหรอกครับที่คนที่บ้านจะไม่เห็นด้วย. ถ้าเพิ่งเรียนจบได้ไม่นานทำงานมาไม่กี่ปี เขาก็ไม่เห็นด้วย ประสบการณ์น้อยไป ฯลฯ ถ้าทำงานมาสักพักแล้ว ฐานเงินเดือนเริ่มสูง เขาก็ไม่เห็นด้วย เหมือนทิ้งรายได้ชัวร์ มาทำอะไรที่มันไม่แน่นอน ยิ่งถ้าเริ่มมีครอบครัว เขาก็ไม่เห็นด้วย มีลูกมีภาระ ฯลฯ ที่ต้องการบอกคือมันไม่มีจังหวะที่ดีหรอกครับ แต่ก็ควรเข้าใจว่าคนที่บ้านเขาหวังดี ถึงบอกแบบนัั้น. ผู้ใหญ่เขาเห็นช่วงที่ SET ไป 1,600 ปี 94-95 แล้วร่วงเละเทะเหลือ 200 คนสิ้นเนื้อประดาตัว มีคนไปฆ่าตัวตายที่หน้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้ว่ากลไกตลาดเปลี่ยนไปแล้ว แต่ภาพพวกนี้มันติดตานะ ผมไม่ได้เชียร์ว่าให้ทุกคนออกมาเทรดหุ้น แต่ถ้าเมื่อตัดสินใจแล้ว นอกจากจะเตรียมตัวเองให้พร้อม เราต้องสื่อสารกับคนที่บ้านด้วยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่. สิ่งที่เราทำอาจจะยังไม่เห็นผลวันนี้นะ มันเป็นขบวนการที่ใช้เวลา. และเราได้วางแผนชีวิตและการเงินเผื่อไว้แล้ว ฯลฯ ผู้ใหญ่ที่บ้านนะบ่นอยู่แล้ว แต่ห้ามตัดการสื่อสารนะครับ
วิธีการสร้างความเชื่อมั่นที่ดีที่สุดคือเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเอาตัวรอดได้ และมีตังค์ให้เขาเห็น อารมณ์ให้ผู้ใหญ่ที่บ้านทุกเดือนเลย มากน้อยก็แล้วแต่ออกแบบ แต่ต้องไม่ขาด. และเชื่อหรือไม่ มันจะกึ่งๆ บังคับไม่ให้เราเทรดซี้ซั้ว หรือเทรดเสี่ยงมากเกินไป แล้วเรงเสียดทานจะค่อยๆ ทุเลาลง. คนนอกจะมองยังไงก็ปล่อยเขาไป ไตร่ตรองดีๆ คนที่เราต้องแคร์ความรู้สึกจริงๆ มีไม่กี่คนหรอกครับ. หลังบ้านเคลียร์ได้เราเดินหน้าต่อได้ แบบนั้นเลยนะ
มีชีวิตสมถะ และหนีการเป็นหนี้ (ไม่ใช่หนีหนี้นะ) ตลาดหุ้นระยะสั้นมันเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเทรดเก็งกำไร หรือดูพื้นฐาน มันมีระยะเวลาก่อนที่ราคาจะไปในทางที่เรามองไว้นะครับ. และสิ่งที่คาดการณ์ยากที่สุดในหุ้นคือ จังหวะว่าเมื่อไรมันจะมา. หุ้นที่เกิดสัญญาณซื้อชัดๆ มองเป็นขาขึ้นแล้วก็อาจจะออกข้าง 1 เดือน (โดยที่ยังไม่หลุด) แล้วค่อยขึ้นก็ได้ มองย้อนหลังทรงก็ยังเป็นขาขึ้นอยู่. แต่ถ้าเราต้องพึ่งเงินจากกำไรระยะส้ัน การเทรดก็จะกดดันมหาศาลมาก ยิ่งถ้าเป็นหนี้ แรงกดดันนี้จะทำให้ให้การเทรดเพี้ยนไปหมด
หลายๆ คนคิดว่าออกมาเทรดก่อนละกัน น่าจะพ้น ตลาดน่าจะเป็นใจ ฯลฯ ห้ามหวังแบบนี้เด็ดขาด. ผมเรียกทฤษฏีคนเดินข้ามถนน เราต้องเผื่อให้มากกว่าที่เราคิดเสมอ เพราะคนที่โดนรถชนทุกคนคิดว่าข้ามถนนพ้นนะครับ กับชีวิตที่อาจไม่มีรอบ 2 และหากเจ๊งก็จะทำให้เป้าหมายทางการเงินช้าไปอีก 10 ปี เราอาจต้องข้ามถนนตอนที่ไม่มีรถเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่รถน้อยเท่านั้น. ดังนั้นถ้าคิดจะเริ่มต้นเทรดหุ้นจริงจัง เราไม่ควรมีหนี้เลย นิดเดียวก็ไม่ได้ และเราจำเป็นต้องสมถะ ผมมองว่าหาได้ 10 ควรหยิบมาใช้ไม่เกิน 1 โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีแรกของการลงทุน. พอร์ตโตในช่วงแรกมากแค่ไหน ช่วงหลังก็ยิ่งสบาย.
ทั้งหมดนี้ก็หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์ เป็นทางให้ผู้ที่สนใจจะเอาจริงเรื่องการเทรดหุ้นนะครับ มุมมองผมการเทรดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เห็นใครบอกลงทุนง่ายๆ นี่ขัดความรู้สึกจัง มันไม่ง่ายเลย แต่มันคุ้ม ถ้าเราจับทางกลไกตลาดหุ้นได้แล้ว แต่ละรอบตัวละครอาจเปลี่ยนไป แต่มันก็คือกลไกเดิม จะรอดในตลาดหุ้นหรือไม่ ผมว่า 90%++ เราเตรียมพร้อมมาดีแค่ไหน. ไม่เกี่ยวกับความเก่งเลย. ถ้าเราสามารถประคองตัวเองให้รอดตอนที่ตลาดร่วงลงมาหนักๆ จนหุ้นถูก จนหุ้นเกิด RR 4-5 เท่า เทคนิคอะไรก็กำไรครับ. เอาใจช่วยนะครับ.
สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่านตอน 1 และ 2 สามารถย้อนกลับไปอ่านได้จาก Link ข้างล่างนี้ครับ
ตอนที่ 1: http://bit.ly/1rdYj3n
ตอนที่ 2: http://bit.ly/1rdXeZs