#แนวคิดด้านการลงทุน

Starbucks ในจีนมีแนวโน้มก้าวขึ้นนำอเมริกา

โดย ธีรัตม์ กฤตยาภัทร
เผยแพร่:
133 views

Starbucks Corp. ธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีแบรนด์แข็งแกร่งระดับโลก ประกาศเปิดร้านรูปแบบ “Starbucks Reserve Roastery & Tasting Room” ในนครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองแรกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Reserve Roastery & Tasting Room แห่งนี้จะเป็นร้านที่จะนำลูกค้าไปพบกับประสบการณ์การคัดสรรและขั้นตอนการสร้างสรรค์เครื่องดื่มสำหรับลูกค้าที่มีความไฮเอ็นด์มากขึ้นไปอีก โดยมีกำหนดการเปิดในปี 2017

ข้อมูลจากสำนักข่าว CNBC รายงานว่า นาย Howard Schultz ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Starbucks คาดว่าธุรกิจในประเทศจีนมีศักยภาพเติบโตขึ้นเหนืออเมริกาแน่นอน โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเลยที่วันหนึ่งบริษัทจะมีสาขาร้าน Starbucks ในประเทศจีนมากกว่าในอเมริกา ในปัจจุบัน Starbucks Corp. มีร้านในประเทศจีนมากกว่า 2,100 สาขา โดยในเมืองเซี่ยงไฮ้เมืองเดียวมีมากถึง 300 สาขา

ความเร็วการขยายสาขาของ Starbucks ประเทศจีนในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ราว 500 สาขาต่อปี โดยการเติบโตของผลประกอบการในประเทศจีนล่าสุดเป็นไปอย่างน่าประทับใจ บริษัท Starbucks รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2016 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนพบว่า ธุรกิจในประเทศจีนมีรายได้เติบโตมากถึง 18% เทียบกับรายได้ของบริษัททั่วโลกเติบโตได้ 9% และตัวเลขรายได้จากสาขาเดิมในอเมริกาเติบโต 7% ทั้งหมดเป็นผลของการเข้าลงทุนในประเทศจีนเมื่อ 17 ปีก่อน ทำให้บริษัทมีความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าชาวจีนมากยิ่งขึ้นและเติบโตไปกับความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของชาวจีน 

Howard Schultz ยังไม่กังวลกับการแกว่งตัวของเศรษฐกิจจีนในอนาคตท่ามกลางการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งนี้ โดยเชื่อว่า Starbucks ได้สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้ามาเป็นเวลานาน รวมถึงได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทางการของจีนอีกด้วย บริษัทจะไม่หยุดรุกตลาดแม้ว่าประเทศจีนจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม สำนักข่าว SCMP รายงาน

สำหรับประเทศอินเดียที่มีประชากรมากกว่าพันล้านคนนั้น บริษัท Starbucks เห็นศักยภาพเช่นเดียวกัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีสาขาร้านค้าน้อยกว่าประเทศจีนมาก โดยมีเพียง 100 สาขาในปัจจุบัน แต่สำหรับศักยภาพของตลาดในอนาคตนั้น Howard มองว่าจะสามารถเติบโตได้รวดเร็วไม่น้อยไปกว่าประเทศจีนเลย ในปัจจุบันประเทศอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เพียง 1 ใน 5 ของประเทศจีนเท่านั้นและรายได้ต่อหัวของประชากรยังตามหลังจีนอยู่มาก เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ชะลอการเติบโตของ Starbucks ในอินเดีย แต่ในระยะยาวแล้วการเติบโตของสาขาจะรวดเร็วไม่แพ้ประเทศจีนได้เช่นกัน

สำหรับการเติบโตของตลาดอินเดียนั้นธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายบริษัทได้เข้าไปมีหุ้นส่วนด้วย ทั้งการเข้าไปของบริษัท Alibaba Group Holdings ในการร่วมทุนกับบริษัทผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดียอย่าง Flipkart หรือการเข้าพบนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ของอินเดียโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Apple อย่าง Tim Cook เพื่อเจาะตลาดอินเดียเพิ่มขึ้นหลังจากยอดขายไอโฟนในประเทศจีนชะลอตัวลง

บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown


ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ MoneyCrown ที่เน้นสาระความรู้และการวิเคราะห์บริษัทจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นหุ้นเติบโต (growth stock) ที่ราคาสมเหตุสมผล มีเงินปันผลสูง และเติบโตต่อเนื่อง

ประสบการณ์การทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ (Management Consulting) ที่ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

ประวัติการศึกษา:

- ปริญญาตรี: คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท: MS in Management, Cass Business School, London

- ปริญญาโท: MS in Management Science & Engineering, Columbia University in the City of New York

นอกเหนือจากความสนใจหาหุ้นที่น่าสนใจโดยอาศัยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังสนใจการลงทุนในต่างประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดจีน ตลาดอเมริกา เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเรื่องราวของ tech startup ที่อเมริกาอีกด้วย

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง