ขอบคุณ Feedback ที่ส่งกันเข้ามานะครับ เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้างเข้าใจได้ ที่แชร์ไปคือมุมมอง/ประสบการณ์รวมถึงข้อผิดพลาด (โดยเฉพาะที่มารู้ทีหลัง) อยากให้มองเป็นแนวทางมากกว่าข้อปฏิบัติ ต่อนะครับ.
3. "ขอให้เริ่มกับง่ายๆ" ก่อน ถ้าโจทย์ยังไม่ชัดว่าระยะหวังผลนานแค่ไหน. อยากเล่นหุ้น-อยากมีกำไร แนวโน้มคือระยะหวังผลสั้นครับ น้อยกว่า 1 ปี ควรศึกษาเรื่องเทคนิคก่อน อ่าน/เรียนสำนักไหนก็ได้ เริ่มที่แนวรับ-ต้าน ศึกษาให้ละเอียดลึกซึ้ง ก็อธิบายพฤติกรรมราคาได้ 60% แล้วนะ ท่ายากมีประโยชน์แต่ไม่ได้จำเป็น ประเด็นเป็นงี้ครับ คือพอเรียนสักพักก็อยากได้สุดยอดวิชา ผมเข้าใจเพราะพลาดเรื่องนี้มาเหมือนกัน เวลาเห็นคนโพสท์ FB ว่านับคลื่นซ้อนคลื่น วัด Fibo เขียนเป้าว่าราคาจะไปเท่านั้นเท่านี้ ใช้เครื่องมือเทคนิคล้ำๆ และเหมือนเขาเห็นอะไรมากกว่าที่เราเห็น เราก็อยากรู้บ้าง แต่ลองสังเกตุดีๆ ส่วนใหญ่เป็นการคาดการณ์
คาดการณ์ราคาใครๆ ก็ทำ ผมก็ทำ แต่เราต้องเข้าใจว่ารายย่อยเราสั่งราคาไม่ได้ คาดการณ์แบบเผื่อเหลือไว้หน่อย หลายๆ ครั้งราคามันไปนะ แต่ไม่ใช่ในแบบที่เราคิด ยกตัวอย่างเช่นมองว่าราคาจะขึ้น สุดท้ายมันขึ้นนะ. แต่ออกข้าง 1 เดือนก่อนแล้วค่อยไปจริง วิเคราะห์ได้ถูกต้องแต่ไม่ใช่ในแบบที่เราคิด. ถ้าคาดการณ์แบบสั่งมากเกินไป ราคาไม่ไปในแบบที่คิดนิดเดียว ก็มักวิเคราะห์ใหม่ สุดท้ายเละ..
เทคนิคคือการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในอดีตมาคาดการณ์ราคาที่จะเกิดขึ้น. มันคือสถิติ สายเทคนิคทุกคนเล่นกับความน่าจะเป็นนี้ เราหาความได้เปรียบทางสถิติ เพราะมันคือความน่าจะเป็น เราฟันธงไม่ได้ ก็เอา MM มากำกับอีกที ตัวอย่างง่ายๆ ในขาขึ้น หุ้นมีแนวโน้มขึ้นมากกว่าลง ดังนั้นเราหาจังหวะซื้อเร็วได้ ไม่ต้องรอราคาทะลุระดับสูงสุดเดิมเสมอไป เป็นต้น ประเมินสถิติและหาความได้เปรียบ นี่แหละการเทรด
ถ้าพอมีฐานทุนและมีระยะหวังผลที่ยาวหน่อย อย่างที่บอกครับ. เก็งกำไรเพื่อสร้างกระแสเงินสดใช้++ ก็พอ. ไม่ต้องเอาเป็นเอาตายกับมันมาก ให้ นน. เรื่องพื้นฐานในระยะยาวจะเห็นกำไรเป็นกอบเป็นกำกว่าเยอะครับ. สไตล์การลงทุนระยะยาวที่ผมชอบจะเป็น Peter Lynch แต่ความรู้/ประสบการณ์เรื่องนี้ผมน้อย ยังแชร์ไม่ได้ เท่าที่ศึกษามากับหุ้น พื้นฐาน นน. มากกว่าเทคนิคครับ.
4. "เรียนหมด รับหมด แต่ไม่ต้องใช้ทั้งหมด" ถ้าไม่ได้มีพื้นการเงินมาและโจทย์ชัด ช่วงแรกจะอารมณ์เหมือนหาตัวเองหน่อยๆ ลองผิดลองถูก เทคนิคเวิร์คมั้ย อ่านพื้นฐานแล้วชอบมั้ย ฯลฯ ผมแนะนำลองศึกษาทุกแนวนะ จะถูกจริตกับแนวไหนมันต้องลองเอาเอง แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่หน่อย เราควรรับทุกอย่างเข้ามาในรูปของ "ความเห็น" ไม่ใช่ความรู้ และเราคิดต่างมองต่างได้ ถ้าเรามีตรรกะหรือข้อแย้งที่สมเหตุสมผล.
ตัวอย่างนี้จะละเอียดอ่อนนิดนึง ลองเปิดใจอ่านดูนะครับ. สายเทคนิคจะยึดทฤษฏีดาวเป็นแม่แบบองค์ความรู้ทั้งหมด ซึ่งข้อนึงระบุไว้ว่า Price discounts all news แปลได้ว่า ราคาได้รับรู้พื้นฐานและมุมมองที่คนมีต่อหุ้นตัวนั้นไปแล้ว ไม่ต้องดูพื้นฐานดูราคาอย่างเดียวก็พอ. ฟัง (อ่าน) แบบนี้แล้วคล้อยตามได้ไม่ยาก และนี่คือปัญหา.
เพราะตัวอย่างที่ยกมานั้นคือ ข้อมูล+ความเห็น ที่เรียงมาอย่างแนบเนียน ราคาได้รับรู้พื้นฐาน/มุมมองฯ ถูกต้องครับนั่นคือส่วนข้อมูล แต่ที่ว่าไม่ต้องดูพื้นฐานให้ดูราคาอย่างเดียว นั่นคือความเห็นนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะอ่านพื้นฐานกันทำไม แต่อย่าเพิ่งเห็นด้วยหรือต่างนะ ที่ผมต้องการสื่อคือ ความเห็นอาจไม่ได้ถูกต้องเสมอไป. แต่ถูกนำมาเรียงตามข้อมูลได้เนียนและคนรับตีความทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ถูกต้องจริงครบถ้วนไปโดยไม่รู้ตัว ทุกเรื่องทีถูกเผยแพร่ถูกถ่ายทอด. มักไม่ใช่ข้อมูลเพียวๆ หรอกครับ. แต่เป็นข้อมูล+ความเห็น เสมอ การรับข้อมูลจากใครก็ตามจึงควรรับมาเพื่อพิจารณาก่อน ให้รับในรูป "ความเห็น" ก่อน ปลอดภัยกว่า..
แล้วเราควรเชื่อ-ไม่เชื่อเรื่องไหนละ ก็จะยากนิดนึง สำหรับผมจะใช้วิธีจับตรรกะ ดูความสอดคล้องในเหตุ-ผลของหลักคิด/วิธีการ ก็จะใช้เวลาหน่อย เพราะรับข้อูลแป๊ปๆ จะยังจับไม่ได้ แต่เมื่อรับมากพอจะพอจับทางได้ครับ โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนเพราะต้องสร้างผลลัพท์ที่ต่อเนื่องได้ ถ้าต่อเนื่องได้ก็ควรมาจากตรรกะที่สม่ำเสมอ ใช่หลักนี้จับเราจะกรองได้ว่าตรรกะแบบนี้ใช่ หรือบอกไม่หมด พูดความจริงครึ่งเดียว หรือมั่ว ตรรกะไม่นิ่ง
----------------------------
สนใจคอร์ส เทคนิคอลหุ้นมือใหม่ ของ หยง ธำรงชัย คลิก