#มือใหม่เริ่มลงทุน

อยากจะเป็น Trader ต้องเจออะไรบ้าง

โดย ธำรงชัย  เอกอมรวงศ์
เผยแพร่:
389 views

ผมนั่งอ่านเว๊บไปเรื่อยๆ และได้นึกถึงบทความนึงที่พูดถึงขั้นตอนของการเป็นเทรดเดอร์ ประมาณเทรดบนจิตใต้สำนัก หรือที่เรียกว่า อยู่ในโซน ที่ฮิตๆ กัน. ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจนะ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็พูดถึงแต่ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ นะ ต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจกลไกตลาดที่ลึกซึ้งจนสามารถเทรดโดยไม่ต้องคิดเยอะได้. อารมณ์เหมือนคนขับรถเก่งๆ เขาคงไม่ได้คิดหรอกว่าจะมานั่งเปลี่ยนเป็นเกียร์ไหน มันรู้เอง

ประเด็นคือเทรดไปแล้วจะได้แบบนี้ทุกคนเลยเหรอครับ. ผมจึงอยากแชร์ขั้นตอนของการเป็นเทรดเดอร์อีกแบบ เท่ห์น้อยกว่า แต่สะท้อนความจริงไม่น้อยกว่ากัน. อยากให้พวกเราลองอ่านลองฟังกันดูนะครับ.

ช่วงที่ #0. เข้ามาแบบงงๆ เพื่อนชวน ที่ทำงานชวน ไปเดินงานมหกรรมการเงินฯ จับพลัดจับผลูมีพอร์ตหุ้นแล้ว. ถ้าเริ่มซื้อขาย ก็จะกำไรแบบฟลุ๊คๆ ขาดทุนแบบงงๆ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแต่ปกติครับ. น้อยคนที่จะวางแผนหรือศึกษาอย่างดีก่อนเข้าตลาดหุ้น. ผมก็เริ่มเทรดก่อนเริ่มศึกษาเหมือนกัน

แต่ความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าเริ่มเข้ามาช่วงตลาดดี ซื้อหุ้นปุ๊ปกำไรปั๊ป เราจะเกิดความคิดว่าตลาดง่าย และส่วนใหญ่เริ่มเข้ามาตอนตลาดดีมากๆ ด้วย มองแต่ทำกำไรและละเลยเรื่องความเสี่ยง. เวลาคนพูดเรื่องความเสี่ยงก็ฟังนะครับ แต่จะคิดว่าเราเอาอยู่ เราไม่เจ๊งหุ้นหรอก เพราะเราระวังตัวในระดับนึงแล้ว. ความประมาทนี้ไม่ต่างกับคนที่เดินข้ามถนนและถูกรถชนนะครับ. ทุกคนที่โดนชนคิดว่าระวังตัวดีในระดับนึงข้ามแล้วน่าจะพ้น ประเด็นคือมันไม่พ้น ทุกคนที่เจ๊งหุ้นคิดว่ารับมือกับความเสี่ยง/ความผันผวนตลาดได้.

ในขณะตลาดหุ้นให้โอกาสสร้างความร่ำรวยได้จริง ต้องเข้าใจว่ามันวางอยู่บนกลไกที่แตกต่างออกไป คือกลไกที่ผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง. ความชอบธรรม จรรยาบรรณ หรือมิตรภาพอาจเป็นเรื่องรองลงมา. ทำให้ตลาดหุ้นเป็นที่ๆ อำมหิตที่สุด ยิ่งเล่นกับความโลภ-ความกลัวของคนอีกด้วยนะ. ใครที่เข้ามาแบบงงๆ คิดว่าเป็นเงินที่ล่องลอยอยู่ พร้อมให้เอื้อมเข้าไปหยิบ ระวังจะแขนขาได้งา่ยๆ ถ้าไม่เจ๊งหมดตัวในตอนนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ #1 ครับ

ช่วงที่ #1. กระหายวิชา - หาอาจารย์  พอเริ่มรู้จักความน่ากลัวของตลาด จะเข้าใจทันทีว่า "ต้องรู้มากกว่านี้" ซึ่งที่เห็นหลักๆ จะแยกเป็น 2 แบบคือ i) ตามวิชา สมมุติสนใจเรื่องการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค ก็จะเริ่มหาหนังสือมาอ่าน เข้าคอร์ส เปิดเว๊บ แต่ยังไม่ปักใจกับแนวไหนหรือแนวใครเป็นพิเศษ และ ii) ตามคน อาจด้วยศรัทธาและความชื่นชมตัวบุคคลว่าลงทุนประสบความสำเร็จฯ ก็จะเลือกรับแนวของคนนั้น อ่านหนังสือที่เขาอ่าน ใช้เครื่องมือที่เขาใช้ เป็นต้น.

ทั้ง 2 แบบดีแตกต่างกันออกไปแล้วแต่จริต ส่วนใหญ่นั้นเราจะตามคน ซึ่งผมว่าดีเลยนะ วิธีที่เขาใช้มันก็มันขบวนการลองผิดลองถูก ผ่านการกรองมาแล้ว เราไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเองที่อาจเสียเวลามาก แต่อยากให้ระวังเรื่องศรัทธา เพราะเราจะเขวได้ กลายเป็นคิดว่าเราจะต้องใช้แนวทางหรือวิธีที่เขาใช้เท่านั้น วิธีที่เขาไม่ใช้เราไม่ควรใช้ไปด้วย ซึ่งอาจเป็นการเสียดายหรือบางครั้งกลายเป็นความอันตรายได้.

ในมุมมองผม วิชา/แนวทางการลงทุนที่ดี ไม่ใช่ซื้อหุ้นแล้วกำไรทุกครั้งนะครับ การลงทุนมีโอกาสพลาดเสมอ ถ้าอยากเก่งแบบที่ไปโชว์กำไรได้ตลอดไม่มีขาดทุน ต้องไปฝึกตัดต่อรูปครับไม่ใช่ฝึกเทรด. วิชาที่ดีคือ องค์ความรู้ที่มีตรรกะลำดับถูกต้องชัดเจน สามารถตีแตกเป็นข้อๆ ปิดประตูเสี่ยงในแต่ละส่วนได้ และสร้างผลตอบแทนขั้นต่ำในระดับที่เราพึงพอใจ ย้ำ! ขั้นต่ำนะครับ อย่าไปให้ความสำคัญว่าระบบนี้แนวนี้ทำได้สูงสุดเท่าไร ตลาดดีๆ ทุกแนวกำไรเยอะหมด ให้พิจารณาว่าเราพึงพอใจกับผลตอบแทนขั้นต่ำที่แนวนี้ทำได้หรือไม่ มันจะระยะยาวมากกว่า

ช่วงที่ #2. บ่มวิชา - ค้นหาตัวตน ชั่วโมงบินในตลาดที่มากขึ้นจะช่วยให้เรามองโจทย์การลงทุนตัวเองได้ชัดมากขึ้น และเราอาจคิดว่าโจทย์การลงทุนคือการสร้างผลตอบแทนสูงสุด ร่ำรวยเป็นเศรษฐีหุ้น แต่มันไม่เสมอไปนะ เราอาจไม่ได้ต้องการใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหาจังหวะทำกำไรในตลาดหุ้นนะ เราอาจต้องการเพียงผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจและใช้เวลาเท่าที่จำเป็นกับหุ้นก็ได้. การดูหุ้นทั้งวันไม่ใช่อิสรภาพทางการเงินนะ ผมนี่ตัวดูหุ้นทั้งวันเลย มีเงินแต่ไม่มีอิสระ

จะหาตัวเองเจอ โจทย์ต้องชัด. สำหรับผม เราเริ่มที่เป้าหมายใหญ่ไปชีวิต และคิดย้อนกลับมา ถ้ายังมองโจทย์ชีวิตตัวเองไม่ชัด คุณควรต้องหาเวลาอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่แค่อยู่บ้านนะครับ แต่ให้เวลาพินิจพิเคราะห์ตัวเองอย่างละเอียด การไปบวชหรือวิเวกตัวเองช่วยได้ ถ้าเราพอมองภาพออกว่าอีก 30 ปีข้างหน้าเราต้องการ Life style อย่างไร. ก็จะพอรู้ว่าต้องทำอย่างไรในวันนี้เพื่อให้ได้ Life style ที่เราต้องการ เราอาจแค่ต้องการเทรดเพื่อเป็นกระสุน รอซื้อหุ้นดีถือยาวๆ กินปันผลก็เป็นได้.

ช่วงที่ #3. กลับคืนสู่สามัญ ปีนี้ขึ้นปีที่ 7 ในการออกมาเทรดเต็มตัวของผม ผมยังจำช่วงเวลาที่วิเคราะห์เทคนิคละเอียดมากๆ.. ดูความสัมพันธ์ระหว่างราคากับอินดี้ ดูความสัมพันธ์ระหว่างอินดี้ด้วยกันเอง ฯลฯ ผมถึงขั้นพัฒนาหลักการดูรอบ RSI เพื่อจับหลักในการนับ Elliott wave เรียกว่าเยอะครับ ซึ่งจังหวะชีวิตช่วงนั้นมันก็ใช่แล้ว. เพราะคิดว่าถ้าจะรู้ถ้าจะเข้าใจ ก็ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ จะรู้แบบกะๆ ไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นมันช่วยให้เราเข้าใจกลไกราคาในเชิงลึกนะ. แต่จะไม่ได้ท่ายากแบบนั้นไปตลอดหรอกครับ ผมเชื่อว่าในที่สุดเทรดเดอร์ทุกคนที่บ่มชั่วโมงบินมากพอจะกลับคืนสู่สามัญ หยิบเครื่องมือมาใช้เท่าที่จำเป็น มี MM ที่เหมาะกับตัวเอง และจัดจะเต็มเมื่อชัดเท่านั้น ไม่ชัดอยู่เฉยๆ "รอ" ได้อย่างแท้จริง ไม่มีวัดดวง ไม่ต้องเฝ้า.

และสร้างผลตอบแทนขั้นต่ำที่ตัวเองพึงพอใจได้ ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม. ผมว่านี่คือขั้นสูงสุดของการเป็นเทรดเดอร์ตัวจริงครับ.


เจ้าของหนังสือ Best Seller “หยงเกิดมาเทรด” ผู้ซึ่งเป็น Full Time Trader ด้วยวัยเพียง 30 ปีต้นๆ แต่ผ่านประสบการณ์ในการเทรดทั้งในและต่างประเทศ มาอย่างโชกโชน และในด้านงานสอนยังเป็นวิทยากรคอร์ส “Freedom Trader” ที่มีลูกศิษย์ติดตามจำนวนมาก เพราะเนื้อหาการสอนที่กลั่นมาจากประสบการจริง ได้จริง เจ็บจริง และรู้จริง ทำให้เกิดการบอกต่อ จนคอร์สเทคนิคอล และคอร์สฟิวเจอร์ ของคุณหยง มีผู้จองเต็มอย่างรวดเร็ว

 

คอร์สสัมมนา : เทคนิคอลหุ้นมือใหม่ , ทำกำไร TFEX อย่างมืออาชีพ

 , (FT) Professional: New Market Timing Techniques: Sequential Count

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง