SPA : หุ้นที่ยังต้องพึ่งการท่องเที่ยวจากจุดแข็งกลายเป็นจุดเสี่ยง ?
.
บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA คือหนึ่งในผู้นำธุรกิจสปาและนวดเพื่อสุขภาพที่นักลงทุนรู้จักกันดี ทว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ
คำถามสำคัญคือ SPA ยังคงพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลักในการเติบโตหรือไม่ ?
และปัจจัยที่เคยเป็น "จุดแข็ง" อย่างการพึ่งพิงนักท่องเที่ยว กำลังกลายเป็น "จุดเสี่ยง" สำคัญของบริษัทได้อย่างไร?
วันนี้ Stock2morrow จะเล่าให้ฟัง
.

ผลประกอบการ 1Q68 : กำไรทรุด ต้นทุนพุ่ง ยังพึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติหนัก
ผลประกอบการ 1Q68 ของ SPA แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ยังคงอยู่ กำไรปกติทำได้เพียง 51 ล้านบาท ลดลงถึง 44% QoQ และ 31% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดถึง 26-29% สาเหตุหลักมาจาก
1. รายได้ถูกกดดันหนัก: แม้เปิดสาขาเพิ่ม แต่ยอดขายจากบริการสปาอยู่ที่ 356 ล้านบาท ไม่เติบโต YoY และ SSSG (Same-Store Sales Growth) เฉลี่ยลดลงถึง 13% YoY ซึ่งแย่กว่าคาดมาก
2. นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว: กลุ่มลูกค้าหลัก โดยเฉพาะชาวจีน (45% ของรายได้) ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คือปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งรายได้
3. ต้นทุนและค่าใช้จ่ายพุ่ง: อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเหลือ 28.9% จากการเพิ่มสาขาใหม่และต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ก็เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ ทำให้สัดส่วน SG&A/Sales พุ่งจาก 9.2% เป็น 12.4%
ผลลัพธ์คือ กำไรถูกกดดันอย่างหนัก สะท้อนให้เห็นว่าการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และการขยายสาขาที่มาพร้อมต้นทุนที่สูงขึ้น ยังคงเป็นภาระสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของ SPA
.
มองการท่องเที่ยวไทย จากจุดแข็งกลายเป็นจุดเสี่ยงของบริษัท
โครงสร้างรายได้ของ SPA ชี้ชัดว่า 70-75% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีชาวจีนเป็นกลุ่มใหญ่สุด (40% ของลูกค้าทั้งหมด) นี่คือปัจจัยที่เคยส่งให้ SPA เติบโตอย่างรวดเร็วในอดีต แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นความเปราะบางที่สำคัญ เมื่อ
- นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความผันผวน: ปัญหาเศรษฐกิจโลก หรือวิกฤตการณ์ต่างๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเดินทาง ทำให้รายได้ของ SPA ไม่มั่นคง
- การแข่งขันสูงขึ้น: ตลาดนวดและสปามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ SPA ต้องใช้งบประมาณการตลาดและลดราคาเพื่อดึงลูกค้า ซึ่งกระทบต่ออัตรากำไรโดยตรง
.
โอกาสและความเสี่ยง อยู่ตรงไหน ?
1. ระยะสั้น (ปี 2568): ยังคงท้าทาย
ฝ่ายบริหารยังคงมุมมองระมัดระวัง คาดการณ์การเติบโตค่อนข้างทรงตัว และอาจมีการปรับลดประมาณการกำไรลงอีก การฟื้นตัวยังคงขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยวและการควบคุมค่าใช้จ่าย
2. ระยะยาว (7-10 ปี): การปรับตัวคือหัวใจ
แม้มี guidance เชิงอนุรักษ์นิยม แต่การเติบโตยังคงอิงกับการท่องเที่ยว หาก SPA ยังคงพึ่งพิงตลาดต่างชาติเป็นหลัก ก็จะเผชิญความผันผวนสูง การขยายฐานลูกค้าในประเทศ หรือพัฒนาบริการใหม่ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและลดความเสี่ยง
.
อ่านมาถึงตรงนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าบทวิเคราะห์หลายแห่งต่างปรับเป้าหุ้น SPA ลงค่อนข้างมาก
แม้แบรนด์แข็งแกร่ง แต่โมเดลธุรกิจที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวและเผชิญการแข่งขันสูง ยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อความสามารถในการทำกำไร
.
SPA เป็นธุรกิจที่มีสินทรัพย์เบา (Asset-light) ซึ่งเป็นข้อดี แต่การเติบโตในอนาคตต้องหาจุดสมดุลใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพิงการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว หากขยายฐานลูกค้าในประเทศและพัฒนาบริการที่หลากหลายได้ ก็จะเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน นักลงทุนยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์การท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนผลประกอบการของ SPA
.
หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาเชียร์ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน
#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #ประเทศไทย #เศรษฐกิจ #การลงทุน #การเงิน