#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน
#แนวคิดด้านการลงทุน
#มือใหม่เริ่มลงทุน

สรุปหุ้น SAWAD ทำไมราคาร่วง -58% ภายใน 6 เดือน

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
31 views

สรุปหุ้น SAWAD ทำไมราคาร่วง -58% ภายใน 6 เดือน

P/E 6 เท่า เพียงพอหรือยังที่จะเป็นโอกาส ?

.

ย้อนอดีตกลับไป นักลงทุนมักจะมองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ เป็นธุรกิจกลุ่มการเงินที่ไม่ค่อยโต

ทำให้ไม่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว แต่ไม่ใช่สาย Non-Bank ที่เป็น Growth Stock

โดยเฉพาะกลุ่มลีซซิ่งสินเชื่อรถ ที่นักลงทุนมองว่าโตแรงและเร็ว กลายมาเป็นดาวเด่นในตลาดหุ้นอยู่ช่วงหนึ่ง

.

แต่ในช่วงหลังหุ้นลีซซิ่งโดนเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ที่ปรับตัวลงกว่า -58% ภายใน 6 เดือน จากระดับราคาที่เคยสูงถึง 77 บาท มาเหลือเพียง 16 บาทต้นๆ

จนทำให P/E อยู่ที่ 5 เท่า P/BV อยู่ที่ 0.7 เท่า เลยทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าเป็นโอกาสแล้วหรือยัง

วันนี้ Stock2morrow จะเล่าให้ฟัง

.

 

 

สาเหตุที่หุ้น SAWAD ปรับตัวลงน่าจะมาจากเหตุผล 2 ข้อด้วยกัน คือ

1. ผลประกอบการที่ไม่เติบโตอย่างที่คาดหวัง

ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.72 พันล้านบาท

ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.47 พันล้านบาท

ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.00 พันล้านบาท

ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.05 พันล้านบาท

หรืออย่างผลประกอบการล่าสุด Q1/2568 ผลประกอบการต่ำคาด -10%QoQ -12%YoY

มาอยู่ที่ 1.10 พันล้านบา ทำให้บทวิเคราะห์ต่างทยอยปรับเป้าลงมา

และคาดว่าทั้งปี เป้าสินเชื่อน่าจะลดลงประมาณ 5-10%

.

2. แบงก์ชาติ มีการควบคุมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ ต้องเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแล

จากเดิมที่ค่อนข้างอิสระ ปล่อยยังไง ปล่อยใครก็ได้ และดอกเบี้ยอยู่ในเรทที่สูง

แต่ตอนนี้แบงก์ชาติหันมาควบคุมเข้มงวดมากขึ้น กระบวยนการมากขึ้น ปล่อยยากขึ้น ดอกเบี้ยถูกควบคุม

ส่งผลให้กำไรที่คาดว่าจะได้มากๆ ก็น่าจะลดลง

จากเหตุผลที่กล่าวมา เป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้น SAWAD ปรับตัวลงอย่างมาก

.

คำถาม คือ ณ เวลานี้ เป็นโอกาสแล้วหรือยัง ?

ถ้าเราอ่านจากบทวิเคราะห์ และมองภาพรวมๆจะสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 4 หัวข้อหลักๆ คือ

1. หนี้เสียสูงขึ้น กำไรอาจไม่สดใสในครึ่งปีแรก

ปัญหาหลัก คือ SAWAD มีหนี้เสีย (NPL) สูงถึง 25% ในไตรมาส 1/2568 (จาก 29% ในไตรมาส 1/2567) ซึ่งสูงมาก ผู้บริหารยอมรับว่าที่ผ่านมาปล่อยกู้เยอะไปหน่อย ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้เสียสูงมาก

แต่บริษัทเริ่มคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ไตรมาส 2/2568

ส่งผลให้กำไรปี 2568 อาจลดลง 12.7% เหลือ 4.4 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกกำไรอาจไม่ดีนัก เพราะดอกเบี้ยสูงขึ้นและรายได้อื่นลดลง

.

2. ธุรกิจเช่าซื้อเริ่มดีขึ้น

การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อลดลง และการยึดรถก็ลดลงอย่างชัดเจน (เหลือ 200-250 คันต่อเดือน จากเดิม 292-361 คัน)

SAWAD ลดสัดส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) และค่าคอมมิชชั่น เพื่อคุมค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าธุรกิจเช่าซื้อจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

.

3. ผู้บริหารมองว่า สภาพคล่องของบริษัทยังดี

โดย SAWAD กำลังอยู่ในช่วงต่อหุ้นกู้ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม มูลค่า 5 พันล้านบาท และกระแสตอบรับดี

แม้หนี้เสียสูง แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงปล่อยสินเชื่อให้ SAWAD แสดงว่าธนาคารยังเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัท

.

4. ครึ่งปีหลัง 2568 มีลุ้นกำไรฟื้นตัว

ผู้บริหารมองว่ากำไรจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จากการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น และผลลัพธ์ที่ดีจากการควบคุมต้นทุนในธุรกิจเช่าซื้อ

.

สรุปแล้ว SAWAD กำลังมีพัฒนาการที่ดี้นไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย และปรับโครงสร้างธุรกิจ

การที่ P/E ต่ำ ทำให้ดูน่าสนใจ แต่เราอาจจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงในเรื่องของการแก้ปัญหาได้ช้า หนี้เสียยังสูง อาจจะกระทบกับผลประกอบการในระยะยาวได้

และที่สำคัญ คือ การควบคุมของแบงก์ชาติ อาจจะทำให้ระยะยาวแล้วหุ้นกลุ่มลีซซิ่งไม่ได้เติบโตแรงเหมือนเดิม

แต่เราต้องไม่ลืมว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงและเร็ว จน P/E เหลือ 5 เท่า ถ้ากำไรอาจจะลดลงบ้างอาจจะทำให้ P/E เพิ่มขึ้นมา 7-8 เท่า ก็อาจจะเรียกว่าอยู่ในโซนที่ไม่แพงอยู่ดี

.

หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้เป็นการเชียร์ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน

#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #SAWAD #SET #ตลาดหุ้นไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง