ICHI เมื่อนักลงทุนต้องการอะไรที่เป็นมากกว่า "ชาเขียว"
.
ผลประกอบการของ ICHI ในไตรมาสแรกของปี 2568 ดูน่าเป็นห่วงไม่น้อย ... ยังไง ?
วันนี้ Stock2morrow จะเล่าให้ฟัง

- ยอดขาย ทำได้ 1.74 พันล้านบาท ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน และ 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรปกติ อยู่ที่ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน แต่ ลดลงแรง 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- อัตรากำไรขั้นต้น ลดลงเหลือ 23.6% จากเดิมที่เคยทำได้ประมาณ 25%
- สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ธุรกิจใน อินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นความหวังสำคัญ กลับมีส่วนแบ่งกำไรเพียง 6 ล้านบาท ลดลงถึง 22.4% จาก 12 ล้านบาทในปีก่อน โดยบริษัทชี้แจงว่าเกิดจากความต้องการซื้อที่ลดลงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง, เศรษฐกิจอินโดนีเซียที่ชะลอตัว, และผลกระทบจากอุทกภัยในบางพื้นที่
สรุปง่ายๆ คือ ยอดขายและกำไรของ ICHI หดตัวลงอย่างมาก โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่ลดลง ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา สภาพอากาศที่ไม่ร้อนเหมือนปีที่ผ่านมา การเข้ามาของคู่แข่งรายย่อยถึงกลาง รวมถึงประเด็นสำคัญที่สุดคือ ธุรกิจต่างประเทศที่เคยถูกมองว่าเป็น "Growth Engine" ให้กับ ICHI กลับสร้างกำไรได้เพียงไม่กี่ล้านบาทเท่านั้น
.
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่บทวิเคราะห์หลายแห่งเริ่ม ปรับลดประมาณการ ผลประกอบการของ ICHI ลง จากเดิมที่เคยมองในแง่ดีมากๆ สำหรับปีนี้ ก็อาจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง ประกอบกับภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างซบเซา ทำให้บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองในแง่ลบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
.
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย เพราะจุดเดียวที่ยังน่าสนใจคือ ธุรกิจเครื่องดื่มประเภท Non-Tea หรือเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ชาเขียว
โดยเฉพาะ น้ำด่าง ที่สร้างยอดขาย All-Time High ได้เกือบทุกเดือน และกลายเป็นเสาหลักของรายได้บริษัทไปแล้ว คิดเป็น 7% ของรายได้รวมทั้งหมด และถ้ารวมกับน้ำประเภทอื่นๆ อีก 12% เท่ากับว่าเครื่องดื่มกลุ่ม Non-Tea มียอดขายรวมกันเกือบ 20% ของรายได้ทั้งหมด
.
นี่หมายความว่า ตอนนี้นักลงทุนกำลังมองว่า ICHI ควรมีอะไรที่ "มากกว่าชาเขียว" เพราะผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่างของ ICHI มีจุดเด่นและความแตกต่างจากเครื่องดื่มในตลาด การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขาย และด้วยฝีมือของคุณตันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่สินค้าสักอย่างของ ICHI จะกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ ทำให้ยอดขายกลับมาเติบโตได้ไม่ยาก
.
ในงาน OppDay ที่ผ่านมา คุณตันแสดงความมั่นใจว่า ภาพรวมไตรมาส 2/2568 จะเห็นทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะยอดขายต่างประเทศที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ในขณะเดียวกัน อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 70% จากไตรมาส 1/2568 ซึ่งอยู่ที่ 64%
และในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ICHI จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ "ตัน พาวเวอร์" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา
.
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ยังคง เป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 9,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 8,671.14 ล้านบาท แม้ไตรมาส 1/2568 จะมีรายได้รวมที่ 1,754.02 ล้านบาท แต่ก็เริ่มเห็นยอดขายจากตลาดต่างประเทศฟื้นตัวกลับมา และ Utilization Rate ในไตรมาส 3/2568 และ 4/2568 จะอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าไตรมาส 2/2568 ที่ 70% ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้น
.
โดยภาพรวมแล้ว ICHI เป็นหุ้นที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน่าสนใจ มีผู้บริหารที่มีความสามารถ และมักจะสร้างปรากฏการณ์ให้ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์เสมอ ไม่แปลกที่นักลงทุนจะมองว่า ICHI เป็น "หุ้นเติบโต" (Growth Stock) ที่กำลังมุ่งสู่ประเทศที่มีประชากรมากถึง 270 ล้านคน แม้ในช่วงแรกจะเผชิญกับความท้าทาย แต่ก็เคยประสบความสำเร็จและสร้างรายได้กลับมาอย่างงดงาม
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่าการบุกตลาดต่างประเทศอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวังอีกต่อไป เพราะผลประกอบการรอบนี้บ่งบอกถึง การชะลอตัว ทั้งรายได้ กำไร และยอดขายที่ลดลงเกือบทุกมิติ
ICHI อาจจะต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สร้างกระแสและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีกว่าเดิม และหากผลประกอบการออกมาดูดี นักลงทุนก็น่าจะกลับมามีความหวังอีกครั้ง
.
สุดท้าย เราต้องไม่ลืมว่า ราคาหุ้น ICHI ได้ปรับตัวลงกว่า 42% แล้วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ Valuation ของหุ้น ICHI อยู่ที่ P/E 11 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ราวๆ 11%
แต่ถ้ากำไรลดลง เงินปันผลก็อาจจะเหลือประมาณ 8−9% ซึ่งก็ยังถือว่าสูงอยู่
นี่อาจเป็นสัญญาณว่าราคาหุ้นได้รับข่าวร้ายไปมากพอสมควรแล้ว และอาจเป็น โอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาส ก็เป็นไปได้
.
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาให้เชียร์ซื้อหรือขายแต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #ICHI #SET #ตลาดหุ้นไทย