เล่าประเด็น BH กับสาเหตุที่หุ้นตก เพราะกำลังเสียส่วนแบ่งการตลาดไปเรื่อยๆ
.
อีกหนึ่งหุ้นโรงพยาบาลที่เป็นดาวเด่นมากในอดีต น่าจะหนีไม่พ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ที่ราคาหุ้นเคยแตะระดับ 260 บาทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก่อนราคาหุ้นจะถอยลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 140 บาทต้นๆ เท่านั้น
เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น BH?

ถ้าให้ตอบแบบเร็วๆ คือ ผลประกอบการของ BH ไตรมาสล่าสุดที่ไม่น่าประทับใจ
.
จุดที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ป่วยต่างชาติที่กำลังลดลงเรื่อยๆ
เพราะอย่างที่เรารู้ คือ BH มีฐานลูกค้าหลักๆ คือกลุ่มต่างชาติ โดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ คูเวต
ในงบการเงินให้เหตุผลว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงเดือนรอมฏอน ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ลดลง แต่ถ้าเราไปดูแบบเจาะลึกจะพบว่า
- ลูกค้าจากกาตาร์ ที่เคยเป็นรายได้หลักกว่า 50% ของรายได้รวม พอมาไตรมาสนี้เหลือ 24%YoY เท่านั้น
- ลูกค้าจากคูเวต ที่เคยมีสัดส่วนรายได้ราวๆ 5% ตอนนี้ก็เหลือราวๆ 1% เท่านั้น
และถ้าเราไปดูคู่แข่งอย่าง BDMS และ PR9 พบว่าเพิ่มขึ้น และไม่ได้เพิ่มขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แต่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว
อย่าง BDMS รายงานว่ารายได้จากผู้ป่วยกาตาร์ เพิ่มขึ้น +56%YoY และ PR9 เพิ่มขึ้น 100%YoY
เอ้า... ทำไมเป็นแบบนั้น?
.
เลยย้อนกลับมาถามถึงสาเหตุที่นักลงทุนกังวล ไม่ใช่แค่เรื่องผลประกอบการอย่างเดียว
แต่เป็นเรื่องของผู้ป่วยตะวันออกกลางที่ลดลง หรือพูดง่ายๆ คือ BH กำลังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไปเรื่อยๆ ให้กับคู่แข่ง
คำถาม คือ ผู้ป่วยกาตาร์หายไปไหน ลูกค้าต่างชาติของ BH หายไปไหน?
สาเหตุที่พอจะเป็นไปได้ น่าจะมาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน คือ
1. ราคาน้ำมันโลกอ่อนตัว
ประเทศในตะวันออกกลาง พึ่งพารายได้จากน้ำมันและก๊าซเป็นหลัก พอราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 15% ส่งผลให้รัฐบาลเข้มงวดมากขึ้นกับงบประมาณด้านสาธารณสุข และหันไปมองโรงพยาบาลที่มีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งนำไปสู่เหตุผลข้อที่ 2 คือ
2. ต้นทุนการรักษาที่สูงขึ้นของ BH
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ค่ารักษาพยาบาลของ BH สูงขึ้นราวๆ 15%
ในปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้น +6.6%
ในปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้น +4%
ในปี 2567 ปรับเพิ่มขึ้นอีก +4% ซึ่ง BH ให้เหตุผลว่าสะท้อนต้นทุนเงินเฟ้อ ยกระดับการรักษาและการบริการ
แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้ BH มีค่ารักษาที่แพงมากขึ้น พอราคาน้ำมันอ่อนตัวก็ทำให้ภาครัฐของตะวันออกกลางหันไปมองทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า และคำตอบก็ดันไปออกที่ BDMS และ PR9
.
แต่ใช่ว่า BH จะไม่รู้ตัว พวกเขารับรู้ และพยายามหันไปพึ่งพาลูกค้าต่างประเทศจากที่อื่น เช่น เมียนมา
และตลาดเกิดใหม่อย่าง บังกลาเทศ อิรัก และซาอุดีอาระเบีย
แต่เมียนมา รายได้ไม่ค่อยคงที่ บางไตรมาสก็มา บางไตรมาสก็หาย ซึ่งความไม่ต่อเนื่องจะหวังพึ่งก็คงไม่ได้
และตลาดอย่างบังกลาเทศ อิรัก และซาอุดีอาระเบีย ก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาแบบเป็นกอบเป็นกำ
.
จึงไม่แปลกใจที่บทวิเคราะห์หลายแห่งเริ่มทยอยปรับคำแนะนำและราคาเป้าหมายลงเรื่อยๆ
บางแห่งปรับจากซื้อเป็น "ถือ" ให้ราคาต่ำกว่า 200 เพราะมองว่ารายได้ไตรมาส 2 ปี 2568 ยังไม่ฟื้นตัว
บางแห่งก็หนักเลย ปรับจากซื้อ เป็นขาย ให้ราคาร้อยกลางๆ เพราะมองว่านี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ BH กำลังสูญเสียลูกค้าให้คู่แข่ง
และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปบ่งบอกว่ารายได้จะลดลงในอนาคต ขณะที่ต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
.
ปัจจุบัน BH มี P/E อยู่ที่ 15 เท่า และ P/BV 4 เท่า ต่ำสุดในรอบหลายปี
แต่ด้วยการที่ตลาดหุ้นไทยช่วงหลายปีมานี้ซึมและหุ้นตกทุกวัน ทำให้หุ้นหลายๆ ตัวตกหนักและมี Valuation ที่ถูกกว่า
ทำให้ BH ไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ สำหรับนักลงทุน
ยิ่งปัญหาเชิงโครงสร้างที่สูญเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งเรื่อยๆ แบบนี้ นักลงทุนอาจจะไม่ได้ให้พรีเมียมต่อมูลค่าหุ้นมากเหมือนในอดีตอีกต่อไป
#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #SET #BH #การลงทุน