#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน
#แนวคิดด้านการลงทุน
#มือใหม่เริ่มลงทุน
#วางแผนการเงิน

เจาะงบ AfterYou-MK กำลังบอกเราว่าธุรกิจอาหารน่าเป็นห่วง

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
339 views

เจาะงบ AfterYou-MK กำลังบอกเราว่าธุรกิจอาหารน่าเป็นห่วง

.

หลายคนคงเคยได้ยินข่าวคราวเรื่องเศรษฐกิจที่ซบเซา ร้านอาหารทยอยปิดตัวลง แม้แต่ร้านดัง ๆ หรือร้านริมทางก็ประสบปัญหาเช่นกัน ซึ่งหากพิจารณาจากราคาหุ้นของธุรกิจร้านอาหารในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของ AU และ M

.

Stock2morrow จะสรุปผลประกอบการล่าสุดของทั้งสองบริษัทให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ

 

 

.AU : บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน)

ในรอบนี้ After You มีกำไรสุทธิ 65.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 54.1 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหากดูเผิน ๆ เหมือนผลประกอบการจะดีขึ้น แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว กลับน่าผิดหวัง

อัตรากำไรขั้นต้นลดลง โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) เหลือเพียง 15.5% จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับประมาณ 20% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ยังเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองในผลประกอบการรอบนี้

1. รายได้จากสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) ลดลงถึง -9%

2. มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตั้งสำรองหนี้สูญ 7 ล้านบาท ซึ่งบทวิเคราะห์หลายแห่งระบุว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการยกเลิกกิจการแฟรนไชส์ในฮ่องกง

3. หากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 72 ล้านบาท เติบโต +33% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ลดลง -16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งยังคงต่ำกว่าประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์หลายสำนัก

4. สิ่งที่น่าสนใจคือ ธุรกิจที่ไม่ใช่ร้านคาเฟ่ เช่น การผลิตสินค้าใหม่ขายในเซเว่นอีเลฟเว่น หรือการให้บริการขนมบนเครื่องบินของการบินไทย เติบโตถึง 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าจับตาอย่างยิ่ง และอาจเข้ามาช่วยลดแรงกดดันจากธุรกิจร้านอาหารได้บ้าง

5. After You มีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศ เช่น การขยายแฟรนไชส์ในอินโดนีเซียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงการนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้มากน้อยเพียงใด เพราะการทำธุรกิจในต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

.

ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นของ AU ในช่วงต้นปีนี้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงถึง -22% สาเหตุหลักมาจากประเด็นเรื่องการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร

หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ในช่วงที่เหลือของปี ก็ต้องมาติดตามกันว่าราคาหุ้นของ AU จะปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 บาท ทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีกหรือไม่

.

M : บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ผลประกอบการของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ในครั้งนี้ น่าผิดหวังอย่างยิ่ง

และปรากฏสัญญาณเชิงลบในหลายด้าน

ไม่ว่าจะเป็นกำไรที่ลดลงตามยอดขายต่อสาขาที่หดตัว ความสามารถในการทำกำไรที่ถดถอย การปิดสาขา ต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโดยรวม

.

เรามาพิจารณาสาระสำคัญของผลประกอบการ M ในรอบนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้ทราบถึงประเด็นสำคัญที่ควรจับตามองกันไปทีละข้อ

1. ยอดขายรวม ทำได้ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งลดลง -4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ -10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) นับเป็นการหดตัวของยอดขายต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6

.

2. กำไรสุทธิ อยู่ที่ 234 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง -34% QoQ และ -33% YoY

การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sale Growth): ติดลบประมาณ -10.5%

โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ควบคู่ไปกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว

.

3. อัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 66.5% จากเดิมที่เคยอยู่ในช่วง 67%-68%

สาเหตุหลักมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่งผลให้ อัตรากำไรสุทธิในบรรทัดสุดท้ายลดลงเหลือเพียง 6.6% จากระดับ 9%-10% ในช่วงก่อนหน้า

.

4. การปิดสาขา มีการปิดสาขาลงทั้งสิ้น 5 สาขา โดยแบ่งเป็น

- MK: ปิด 2 สาขา

- Yayoi: ปิด 2 สาขา

- แหลมเจริญซีฟู้ด: ปิด 1 สาขา

- ส่งผลให้จำนวนสาขาทั้งหมดในเครือ M คงเหลือ 688 สาขา

.

5. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ทรงตัวในขณะที่รายได้ลดลงอย่างมาก

ส่งผลให้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย: ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 60.6% จากเดิมที่ 58.9%

.

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้น คือ "เอ็มเค" จะมีแนวทางการปรับตัวอย่างไร

และปัจจุบันตลาดกำลังให้ความสนใจกับประเด็นใด?

คำตอบคือตลาดกำลังคาดหวังถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการอย่างชัดเจน

ซึ่งอาจมาจากการเปิดสาขาใหม่ การนำเสนอแบรนด์ใหม่ และการเติบโตของกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการแหลมเจริญซีฟู้ด

.

สำหรับปี 2568 บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมจำนวน 16 สาขา โดยแบ่งเป็น MK สุกี้ 5 สาขา, Yayoi 3 สาขา, แหลมเจริญซีฟู้ดอีก 5 สาขา และร้านอาหารแบรนด์ใหม่อีก 3 สาขา

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีแผนที่จะปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรจำนวน 14 สาขาเช่นกัน

ทำให้โดยรวมแล้วในปีนี้จะมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเพียง 2 สาขาเท่านั้น

ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการผลักดันให้รายได้กลับมาเติบโตได้

อีกทั้งภาพรวมของอุตสาหกรรมร้านอาหารในปีนี้ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากกำลังซื้อที่คาดว่าจะยังคงชะลอตัว

ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายต่อสาขายังคงมีแนวโน้มลดลง

.

ในปัจจุบัน ราคาหุ้นของ M ได้ปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า -52% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ส่งผลให้ค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 11.3 เท่า

และอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

.

ต้องยอมรับว่าราคาหุ้น M ร่วงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 แล้ว จากผลประกอบการที่ไม่ได้เติบโตเลย

ในขณะที่ใช้งบลงทุนไปเยอะ ปรับแผนธุรกิจใหม่ เทคโอเวอร์ร้านอาหาร แต่งบก็ไม่กลับมาสักที

ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงจาก 60 บาท เหลือ 20 บาทอย่างในปัจจุบัน

แต่ถ้าเราคิดในอีกมุมหนึ่ง Valuation แถวๆนี้ก็ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา P/E 11 เท่า P/BV 1.2 เท่า

จากเมื่อก่อน P/E 30 เท่า และ P/BV 4 เท่ากว่าๆ ก็ต้องถือว่าลดลงมาเยอะ แถมปันผลตอนนี้ก็อยู่ในระดับ 8% แล้ว

ถ้ากำไรยังเท่าเดิม จ่ายปันผลเท่าเดิม การได้อัตรา 8% ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน

#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #SET #AfterYou #MK


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง