สรุปประเด็น การลดหนี้ครัวเรือน ส่งผลต่อหุ้นไทยอย่างไร ?
เมื่อไม่นานมานี้ คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยพูดเรื่องการแก้ปีญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านวิธีการซื้อหนี้จากธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆผ่อน
สอดคล้องกับการรายงานของสื่อต่างประเทศ และกระทรวงการคลังก็ดูเหมือนจะรับลูกเป็นที่เรียบร้อย
คำถามคือ ประเด็นดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยอย่างไร ?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจประเด็นที่กล่าวถึงก่อน
ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 ระบบธนาคารมีสินเชื่อแบ่งออกเป็น
- สินเชื่อที่อยู่อาศัยราวๆ 2.7 ล้านล้านบาท สัดส่วน 18% ของสินเชื่อรวม
- สินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอื่นๆ 1.6 ล้านล้านบาท สัดส่วน 10% ของสินเชื่อ
- สินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 1 ล้านล้านบาท สัดส่วน 7% ของสินเชื่อรวม
โดยสินเชื่อ NPL ของสินเชื่อที่กล่าวมาข้างต้น มีอยู่ประมาณ 1.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.3%
และ Stage 2 ประมาณ 4.2 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7.8%
ถ้าสมมุติว่าภาครัฐมีการซื้อหนี้คืนจากประชาชนจริงๆ
จะส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลง เท่ากับจะกระทบกับรายได้ของธนาคารพาณิชย์ให้ลดลงตามมา
แต่สิ่งที่ธนาคารพาณิชย์จะได้ในระยะกลางถึงยาว คือ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และทิศทางของ Credit Cost ลดลง เข้ามาชดเชยรายได้ที่หายไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินเชื่อบ้านจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
สาเหตุเป็นเพราะว่าสภาพคล่องไม่สูง ขายต่อได้ยาก จึงเป็นสาเหตุให้ NPL ของสินเชื่อบ้านสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่นๆเยอะมาก
ถ้ารัฐบาลมีการซื้อสินเชื่อบ้านที่เป็น NPL เหล่านี้จริง จะทำให้สถานะการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์คล่องตัวขึ้น และสามารถปล่อยกู้ได้มากขึ้น
จะส่งผลบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะถัดไปอีกด้วย
นอกจากนี้ สินเชื่อเพื่อการบริโภค บัตรเครดิต รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ก็จะผ่อนคลายลงมาก สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ต่อๆไป
พูดง่ายๆ คือ การซื้อหนี้ของภาครัฐจะส่งผลบวกต่อธนาคารพาณิชย์ในระยะกลางถึงยาว
และส่งผลบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อเช่าซื้อ และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนบริโภคมากขึ้น ...
สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีสัดส่วนสินเชื่อบ้านสูงที่สุด คือ
SCB สัดส่วนสินเชื่อบ้าน 32%
TTB สัดส่วนสินเชื่อบ้าน 26%
KTB สัดส่วนสินชื่อบ้าน 19%
แล้วสำหรับกลุ่มสินเชื่อที่เป็น Non-Bank ละ จะส่งผลกระทบอย่างไร ?
กลุ่ม Non Bank โดยส่วนใหญ่มีสินเชื่อประเภทเช่าซื้อรถเป็นจำนวนมาก จะได้รับผลกระทบเชิงบวกต่อประเด็นนี้ด้วยเหมือนกัน
โดยสรุปคือ ประเด็นการลดหนี้ครัวเรือน ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นไทย
โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะได้รับผลเชิงบวกมากที่สุด
เพราะจะยังเป็นการผ่อนคลายสภาพคล่องทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัย
ผู้บริโภคก็ผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น บริโภคได้มากขึ้น ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยอีกทาง
แถมท้ายข้อมูลอีกนิด ถ้าเราดูสัดส่วนของหุ้นกลุ่มแบงก์จะพบว่าอยู่ในระดับที่ "ไม่แพงเลย"
P/BV ที่ต่ำ ROE สูง และอัตราเงินปันผลก็อยู่ที่ประมาณราวๆ 6%-9%
อีกทั้งหลายๆแบงก์มีการประกาศซื้อหุ้นคืน เช่น TTB
ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยเป็นอีกกลุ่มที่ไม่ควรมองข้าม
#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #หนี้ครัวเรือน #ประเทศไทย