[สรุปไลฟ์] “ตลาดหุ้นไทย” กำลังวิกฤติที่สุดนับตั้งแต่ช่วง “วิกฤติต้มยำกุ้ง” โดย นิ้วโป้ง Fundamental VI
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนี SET ลดลงจากระดับ 1,450 จุดสู่ระดับ 1,200 จุด ซึ่งถือเป็นการปรับฐานที่สำคัญ นักลงทุนหลายคนอาจสงสัยว่านี่คือจุดต่ำสุดของตลาด หรือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทยอยสะสมหุ้น?
[มุมมองต่อตลาดหุ้นไทย]
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนคือ "มุมมอง" หากมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ตลาดหุ้นไทยอาจกลับมาเป็นโอกาสในการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของประเทศที่เคยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจรุนแรง เช่น เวเนซุเอลาหรืออาร์เจนตินา นักลงทุนบางส่วนอาจมองว่าตลาดไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง
“มีหลายกลุ่มคนที่เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็น Gone Case เหมือนเวเนซุเอลาหรืออาร์เจนตินา คือไม่เห็นอนาคตประเทศไทย ส่งผลให้ 2 ปีล่าสุดแทบจะไม่มีใครซื้อกองทุน SET เลย เห็นซื้อแต่กองทุน Bitcoin หรือกองทุนต่างประเทศ” นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ กล่าว
ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีของตลาดหุ้นไทยสะท้อนให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยแทบไม่มีผลตอบแทนที่เป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งปี 1998 แต่ในปี 2023-2024 ตลาดหุ้นไทยติดลบต่อเนื่องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง เรียกได้ว่าวิกฤติต้มกบครั้งนี้เริ่มเข้าใกล้วิกฤติต้มยำกุ้งทีละเล็กทีละน้อยซึ่งสร้างความกังวลต่ออนาคตของการลงทุนในตลาดนี้
[กลยุทธ์การลงทุน: ทยอยสะสมและกระจายความเสี่ยง]
จากข้อมูลที่มีนักลงทุนสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ "ทยอยสะสมหุ้น" โดยเลือกลงทุนในกองทุน SET Index พร้อมทั้งพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น ตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Government Bonds) และกองทุนที่มี ESG (Environmental, Social, and Governance) เป็นปัจจัยหลัก
[การมองหาตลาดหุ้นต่างประเทศ]
ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยซบเซา นักลงทุนบางส่วนเลือกกระจายพอร์ตไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น
1. S&P 500 (สหรัฐอเมริกา) - ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
2. ไต้หวัน และอินเดีย - ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
3. ตลาดหุ้นฮ่องกง - แม้จะประสบปัญหาติดลบต่อเนื่อง 3 ปี แต่มีโอกาสฟื้นตัว เนื่องจาก Valuation ที่น่าสนใจ
[สรุป: ตลาดหุ้นไทยยังมีความหวังหรือไม่?]
ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลงที่รุนแรง แต่หากมองในแง่ของ "ไซเคิลเศรษฐกิจ" ตลาดหุ้นไทยอาจกำลังเข้าสู่จุดต่ำสุด ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองระยะยาว อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นไทยควรทำอย่างระมัดระวัง โดยพิจารณาความเสี่ยงและกระจายพอร์ตไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย
การลงทุนในช่วงเวลานี้อาจต้องใช้ความอดทนและความเชื่อมั่น หากมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว นักลงทุนสามารถทยอยสะสมหุ้นไทยได้ ในขณะที่ยังคงมองหาการกระจายพอร์ตไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างความสมดุลในพอร์ตการลงทุนของตนเอง
สำหรับใครที่อยากฟังฉบับเต็มสามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=VqjH6mw28f4
#Stock2morrow #สื่อสถานบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #นิ้วโป้ง #FundamentalVI