TMAN ผู้นำตลาดเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคู่คนไทยกว่า 50ปี เปิดขาย IPO เข้าเทรดในตลาดหุ้นไทย 22 ต.ค. นี้

หากกำลังพูดถึง TMAN ธุรกิจผู้พัฒนายาและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หลายคนอาจกำลังนึกไม่ออกว่า TMAN คือใครกันแน่?

แต่หากมองย้อนกลับไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ในช่วงแรก ๆ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่แพทย์หรือใคร ๆ ก็ต้องเคยได้ยินหรือพูดถึงก็คือ Propoliz, Myda, ไอยรา, Vita-C, IBUMAN, Polar และ Nevtral ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท

เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อหุ้นดี ๆ สัก 1 ตัว ใครหลายคนอาจให้มองว่าชีวิตประจำวันของเรากำลังทำอะไร กินอะไร และใช้อะไรเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าหุ้นกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

วันนี้ Stock2morrow จะพาคุณไปเจาะลึกถึงหุ้น TMAN หุ้นกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่กำลังจะ IPO เข้าตลาดหุ้นไทย 22 ต.ค. นี้

[TMAN คือธุรกิจยาอยู่คู่คนไทยมานานกว่า 50 ปี]

บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและ/หรือจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยมายาวนานกว่า 50ปี ด้วยราคาที่ไม่แพงและปณิธานที่มุ่งหวังให้คนไทยเข้าถึงยาที่ดีมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ในราคายุติธรรม ทำให้ต่อยอดสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร

ทั้งนี้ TMAN มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ กลุ่มลูกค้าองค์กรกว่า 10,000 ราย โดยมีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งร้านขายยาค้าปลีกค้าส่ง และร้านขายยา Chain Store เช่น eXta, FASCINO, Save Drug, Lab Pharmacy, Boots, Health Up โรงพยาบาลรัฐและเอกชน คลินิกความงาม ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น 7-11, Big C, Watsons, CJ Supermarket, Central Food Retail รวมร้านค้าปลีกทั้งหมดกว่า 22,000สาขา และกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ เช่น หน่วยงานภาครัฐ นิติบุคคลทั่วไป และรวมถึงกลุ่มลูกค้าบุคคล 

[ทำไม TMAN จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ]

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพเป็นธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและได้รับผลกระทบน้อยจากสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่ง TMAN เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตยาด้วยนวัตกรรมที่ก้าวหน้าทำให้ TMAN กลายเป็นหุ้นกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ “คุ้มค่า” ในสายตานักลงทุน

ทั้งนี้ การขยายช่องทางของ TMAN ก็เป็นจุดที่น่าสนใจ ซึ่งแตกต่างหากหุ้นในกลุ่มยาอื่น ๆ โดยธุรกิจได้ขยายช่องทางผ่านโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ รวมถึงโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนพยาบาลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยได้มูลค่าเงินอัดฉีดให้กับกลุ่มแพทย์ในประเทศไทยมี CAGR อยู่ที่ราว 9.4% ระหว่างปี 2556-2565 (อ้างอิงจาก KS Research และ Statista)

ด้วยยอดขายที่กำลังเติบโต รวมถึงมูลค่าเงินอัดฉีดจากภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้ TMAN เป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยดังนี้ 1) การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เดิม 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ของ TMAN 3) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล 4) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 5) ผลักดันการขายในต่างประเทศเพื่อมุ่งสู่การเป็น Global Brand 

[ผลประกอบการของ TMAN]

โครงสร้างรายได้ของ TMAN ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) มาจากผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งคิดสัดส่วนเป็น 87%-90% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ทั้งนี้หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่ารายได้กว่า 60% มาจากการขายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านขายยา รองลงมาเป็นการขายปลีกให้กับโรงพยาบาลประมาณ 10% ทั้งนี้ สามารถแบ่งสัดส่วนออกได้ดังต่อไปนี้ (อ้างอิงจากปี 2566)

- 58% ของรายได้มาจากร้านขายยา

- 12% ของรายได้มาจากโรงพยาบาล

- 10% ของรายได้มาจากธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่

- 20% ของรายได้มาจากอื่น ๆ เช่น คลินิกและลูกค้าต่างประเทศ

ปี 2564รายได้ 1,260ล้านบาท กำไรสุทธิ 56 ล้านบาท

ปี 2565รายได้ 2,017ล้านบาท กำไรสุทธิ 473 ล้านบาท

ปี 2566รายได้ 1,972ล้านบาท กำไรสุทธิ 431 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา TMAN สามารถกอบโกยรายได้และกำไรได้ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

รายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ยังไม่รวมผู้ที่ได้รับการจัดสรรจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้)

- 51.0% บริษัท โชติพันธ์ จำกัด

- 6.7% นายประพล ฐานะโชติพันธ์ 

- 3.4% นางสาวนราภรณ์ ฐานะโชติพันธ์ 

- 3.4% นางสาวเบญจวรรณ ฐานะโชติพันธ์ 

- 3.4% นางสาวอรพรรณ ฐานะโชติพันธ์ 

- 3.4% นางสาวศิริวรรณ ฐานะโชติพันธ์ 

- 1.7% นายธีรวัฒน์ ฐานะโชติพันธ์ 

- 1.7% นางคำนวณ คงศุภลักษณ์ 

- 25.5% เสนอขาย IPO ให้กับประชาชนทั่วไป

TMAN จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวมไม่เกิน 71,430,000หุ้น และหุ้นสามัญที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนรวมไม่เกิน 30,570,000หุ้น รวมเป็น 102,000,000หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 16.30บาท และมีราคา Par ที่ 0.75บาทต่อหุ้น

โดยการระดมทุนครั้งนี้ TMAN จะนำเงินไป 1.     ใช้เป็นเงินทุนในการขยายกำลังการผลิต และ/หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หรือการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ 2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม

โดยจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและหมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์

มูลค่าและแนวโน้มในอนาคตของอุตสาหกรรมยาถือได้ว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองพลาด หากคุณกำลังหาหุ้นปันผลที่มีการเติบโตดีต่อเนื่องในตลอดหลายปีจะเห็นได้ว่าปี 2566 – 2568 Krungsri Research คาดว่ามูลค่าจำหน่ายยาจะเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 5.0 – ร้อยละ 6.0 ต่อปี โดยคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายยาผ่านโรงพยาบาลจะเติบโตเฉลี่ยที่ ร้อยละ 6.3 ต่อปี และมูลค่าการจำหน่ายผ่านร้านขายยา (OTC) จะเติบโตเฉลี่ยที่ ร้อยละ 5.0 ต่อปี  

นอกจากนี้ TMAN มีแผนที่จะผลิตยาหลายประเภทเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพในอนาคต และทดแทนการใช้ยานำเข้าที่มีราคาแพง เช่น ยาลดไขมันในเลือด และยาปฏิชีวนะ ทำให้เรียกได้ว่าหาก TMAN กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยได้แล้ว ก็จะยิ่งทำให้หุ้นนี้เป็นหุ้นที่นักลงทุนควรมีติดมือไว้ โดยนักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมอิงวิธี DCF ที่ราคา 24.0-29.5บาทต่อหุ้น

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับตนเอง

#Stock2morrow #สื่อและสังคมของนักลงทุน #SET #IPO #TMAN #ทีแมน