#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#แนวคิดด้านการลงทุน
#วางแผนการเงิน

นักลงทุนควรรับมืออย่างไร ? เมื่อเงินบาท “แข็งค่า” อย่างรวดเร็ว ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
940 views

นักลงทุนควรรับมืออย่างไร ? เมื่อเงินบาท “แข็งค่า” อย่างรวดเร็ว ?

 

เงินบาทกำลังแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 36 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2567 ตอนนี้มีแนวโน้มว่ากำลังแข็งค่าไปสู่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ 

เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากปัจจัยอะไรบ้าง ? มีผลกระทบอย่างไรบ้าง ? และทำไมนักลงทุนถึงควรติดตามการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาท ? หรือจะเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้นจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

วันนี้ Stock2morrow จะพาคุณมาเข้าใจว่า “เงินบาทแข็งค่า” ควรรับมืออย่างไร และมีผลกระทบอะไรบ้าง ?

[เงินบาทแข็งค่าคืออะไร ?]

การที่เงินแข็งค่าขึ้น คือการที่ “เงินสกุลนั้น ๆ” มีมูลค่ามากกว่าเงินอีกสกุลเงินหนึ่ง 

หรือเรียกได้ว่าสามารถใช้เงินที่มีอยู่เดิมน้อยลงเพื่อแลกกับสกุลเงินอื่น ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น สมมติตอนนี้ 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 40 บาท

นั่นหมายความว่าเราต้องใช้เงิน 40 บาทเพื่อแลกกับ 1 ดอลลาร์

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเงินบาท “แข็งค่า” ยิ่งขึ้น

ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 30 บาท

นั่นหมายความว่าหากเราใช้เงิน 40 บาทเท่าเดิมแลกดอลลาร์

เราจะสามารถแลกเงินดอลลาร์ได้มากถึง 1.33 ดอลลาร์

หรือแลกเป็น “ดอลลาร์” ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ว่าแต่จะรู้ได้อย่างไรว่าค่าเงินสกุลนั้น ๆ กำลังแข็งค่าหรืออ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ 

ก็ต้องดูจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับสกุลเงินอื่น ๆ ในตลาดโลก

โดยส่วนใหญ่แล้วหลายประเทศมักเปรียเทียบกับ “ดอลลาร์สหรัฐฯ” เป็นหลัก

[ปัจจัยและผลกระทบที่นักลงทุนควรจับตา]

1. การส่งออกและนำเข้า

หากเงินบาทแข็งค่า การส่งออกไทยจะน้อยลงเนื่องจากสินค้าไทยแพงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่ก็ยังมีข้อดีเนื่องจากเป็นปัจจัยบวกให้กับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพราะมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับช่วงที่เงินบาทกำลังอ่อนค่า 

2. การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวซึ่งเป็น “ส่วนสำคัญ” และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากเมื่อเงินบาทแข็งค่ายิ่งขึ้นส่งผลให้ “นักท่องเที่ยวลดลง” เนื่องจากต้องแลกเงินมากยิ่งขึ้นเมื่อมาเที่ยวในประเทศไทย และใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอาจหาตัวเลือกใหม่ ๆ ในต่างประเทศแทน

3. ตลาดหุ้น

หากเงินบาทแข็งค่า นักลงทุนทั่วโลกก็จะหันมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากยิ่งขึ้น และทำให้ Fund Flow หรือเม็ดเงินจากทั้งในประเทศและต่างประเทศไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น อาจส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

4. เงินเฟ้อ 

การแข็งค่าของเงินบาทจะช่วย “ลดแรงกดดัน” ด้านเงินเฟ้อเพราะทำให้ราคาสินค้านำเข้ามีราคาถูกลง โดยผู้นำเข้าสินค้าและบริการจะได้รับประโยชน์จากเงินแข็งค่าเนื่องจากราคาสินค้าจากต่างประเทศมีราคาถูกลง ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น

5. อัตราดอกเบี้ย

โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงมักทำให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศ “ปรับขึ้นดอกเบี้ย” เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันเมื่อเงินแข็งค่าขึ้นมาก ๆ หลายประเทศก็เลือกที่จะ “ปรับลดดอกเบี้ย” เนื่องจากต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น

[นักลงทุนควรปรับตัวอย่างไร ?]

หากเงินบาทแข็งค่ายิ่งขึ้น นักลงทุนหลายคนมักโฟกัสไปที่หุ้นกลุ่ม Passive Stock 

หรือหุ้นปันผลที่เน้นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายในประเทศ

หรือเป็นสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค หรือแม้แต่ทองคำเองก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่คนส่วนใหญ่เลือก

ทั้งนี้รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ เช่น หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ต่างประเทศ เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเงินบาทแข็งค่าก็ไม่ควรมองข้าม “หุ้นไทย” เพราะตามสถิติแล้วเมื่อเงินบาทแข็งค่า

จะส่งผลให้หุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงที่เงินบาทอยู่ราว 29-30 บาทต่อดอลลาร์

หุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,000 จุด เป็น 1,500 จุดมาแล้ว

ไม่ว่าจะ “หุ้นไทย” หรือ “ต่างประเทศ” ก็เป็นหุ้นที่ไม่ควรมองข้ามทั้งนั้น แต่นักลงทุนก็ควรเลือกสินทรัพย์ให้เหมาะสำหรับการลงทุนของตัวเอง และที่สำคัญควรศึกษาให้ละเอียดก่อนเริ่มการลงทุนทุกครั้งด้วยนะ

#Stock2morrow #สื่อและสังคมของนักลงทุน #SET #เงินบาทไทย #เศรษฐกิจ #ประเทศไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง