ปิดตำนานไดโดมอน บุฟเฟต์ปิ้งย่างเกาหลีแห่งแรกในไทยที่ครองใจคนไทยยาวนานกว่า 41 ปี
ข่าวการปิดตัวของไดโดมอน ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเกาหลีชื่อดังที่ครองใจคนไทยมานานกว่า 41 ปี ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับเหล่าคนรักอาหารเกาหลีเป็นอย่างมาก การจากไปของไดโดมอนนับเป็นการปิดฉากตำนานร้านอาหารที่เคยเป็นผู้นำเทรนด์และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างในประเทศไทย
ตลอดระยะเวลา 41 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีร้านอาหารบุฟเฟต์เพิ่มขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยได้มีร้านปิ้งย่างหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ 99 บาทต่อหัว จนไปถึงปิ้งย่างระดับพรีเมียมราคา 1,599 บาทต่อหัว
[ไดโดมอน: ผู้บุกเบิกบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลีในไทย]
ไดโดมอนก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดยเป็นหนึ่งในร้านอาหารเกาหลีรายแรก ๆ ในประเทศไทยที่เปิดให้บริการในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง
ในสมัยนั้นถือเป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่แปลกใหม่และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภค ด้วยคุณภาพของวัตถุดิบที่สดใหม่หลากหลาย รสชาติอาหารที่ถูกปากคนไทย และบรรยากาศร้านที่อบอุ่นเป็นกันเอง ทำให้ไดโดมอนกลายเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและขยายสาขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ไดโดมอนสามารถขยายสาขาธุรกิจทั่วกรุงเทพฯ มากกว่า 20 สาขา ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับช่วงขาลงของบริษัทยาวนานหลายปี โดยมีการเปิดเผยว่าขาดทุนสะสมต่อเนื่องหลักพันล้านบาท ก่อนที่ท้ายที่สุดจะขายกิจการต่อให้กับ บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน)
[ไดโดมอน = เจ้าแรกที่ต้องปรับตัว]
แม้บริษัทจะขาดทุนต่อเนื่องมหาศาลแต่ความรุ่งเรืองของไดโดนมอนไม่ได้หายไปตามการขาดทุน เพราะในช่วงที่ซื้อธุรกิจต่อมา ไดโดมอนและ HOT POT สามารถขยายสาขาไปได้รวมแล้วมากกว่า 130 สาขาทั่วประเทศ
แม้ว่าไดโดมอนจะเป็นร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างเจ้าแรกที่เปิดตัวในไทย แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ไดโดมอน ก็ต้องกลายเป็นเจ้าแรกที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับลูกค้าเช่นเดียวกัน เนื่องจากภายหลังเปิดธุรกิจได้อีกสักพัก ร้านบุฟเฟต์หมูกระทะ-ชาบู ก็เกิดเป็นฟีเวอร์ในประเทศไทยอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้เจ้าตลาดใหญ่ ๆ ต้องปรับตัวกันอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเพิ่มไลน์อาหารหรือแม้แต่กระทั่งทำโปรโมชั่นเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน แต่อย่างไรก็ตามไดโดมอนกลับไม่ได้เข้าไปอยู่ในลิสต์ร้านอันดับแรก ๆ ของคนไทยเหมือนแต่ก่อน ทำให้ร้านค่อย ๆ ปรับตัวและปิดตัวลงจนเหลือเพียง 1 สาขา
และล่าสุด สาขาสุดท้ายที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตก็ได้ปิดตัวลง สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามสุดท้ายของ HOT POT ที่ต้องการดันแบรนด์นี้กลับสู่ตลาดอีกครั้งก่อนที่จะเหลือไว้เพียงความทรงจำของคนไทยเท่านั้น
[ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี]
ปี 2566 มีรายได้ 397 ล้านบาท ขาดทุน 108 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้ 547 ล้านบาท ขาดทุน 214 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 440 ล้านบาท ขาดทุน 257 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุนสะสมเกือบ 600 ล้านบาท และหากดูย้อนหลัง 4 ปีจะพบว่าบริษัทขาดทุนสะสมหลักพันล้านบาท
แม้ว่าวันนี้จะไม่มี ไดโดมอน บุฟเฟต์ปิ้งย่างเกาหลีขวัญใจคนไทยแล้ว แต่ก็ HOT POT ยังคงดำเนินกิจการตามปกติ ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 4 สาขาเท่านั้น
ทำให้เราต้องมาติดตามกันต่อไปว่า HOT POT ชาบูบุฟเฟต์ขวัญใจคนไทยจะปรับตัวตามตลาดในอนาคตและจะขึ้นกลับเป็น Top of Mind ของลูกค้าได้อีกไหม ต้องติดตามชมกันต่อไป
#Stock2morrow #HOTPOT #Business #ไดโดมอน #ธุรกิจ #ประเทศไทย