วิกฤติหรือโอกาส ? ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงเหลือเท่า “ต้นปี” หลังถูก Circuit Breaker
ดัชนีหุ้น Topix ของญี่ปุ่นร่วงลง -10.6% ซึ่งถือเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1987 และเป็นการลดลงใน 1 วันที่เลวร้ายยิ่งกว่าช่วงวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในปี 2011
#ตลาดหุ้นญี่ปุ่น กำลังประสบปัญหากับวิกฤติตลาดหุ้นผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ดัชนี Nikkei 225 และ Topix ร่วงลง -13.32% และ -12.36% ตามลำดับ เนื่องจากการเทขายหุ้นทั่วโลกที่กำลังกังวลต่อค่าเงินและฟองสบู่สหรัฐฯ
สาเหตุที่ดัชนีหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงอย่างรุนแรง เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ล่าสุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นประกาศ Circuit Breaker ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย
สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก เป็นไปดังนี้
#ตลาดหุ้นญี่ปุ่น -13.32%
#ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ -8.09%
#ตลาดหุ้นฮ่องกง -0.78%
#ตลาดหุ้นไทย -1.95%
#Bitcoin -8.49%
ทั้งนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นญี่ปุ่นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว เนื่องจากค่าเงินเยนที่แข็งค่ากดดันตลาด และหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงท่ามกลางการหมุนออกจากภาคเทคโนโลยีทั่วโลก
ตามข้อมูลจาก Japan Exchange Group ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นสดและฟิวเจอร์ส รวม 1.56 ล้านล้านเยน (3.7 แสนล้านบาท) ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 กรกฎาคม ส่งผลให้ดัชนี Topix ของประเทศร่วงลงมากกว่า -5% ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และปัจจุบันได้ร่วงลงอีก -13.32%
[Circuit Breaker คืออะไร ?]
#CircuitBreaker ในตลาดหุ้น เป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อชะลอการซื้อขายชั่วคราว เมื่อตลาดหุ้นเกิดความผันผวนรุนแรงในระยะเวลาอันสั้น เช่น ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็วหรือมีการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ
หรือพูดง่าย ๆ เป็นภาษาชาวบ้านก็คือ “ตัวช่วยให้นักลงทุนไม่ขาดทุนรุนแรงจากราคาที่ผันผวน”
Circuit Breaker ทำงานอย่างไร?
เมื่อราคาหุ้นดิ่งลงถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ตลาดหุ้นจะถูกระงับการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลาที่กำหนด เช่น 15 นาที หรือ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นการซื้อขายจะกลับมาดำเนินต่อ
โดยในกรณีของตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ เกิด Circuit Breaker ในระดับที่ 2 เท่านั้น (ร่วงลงมากกว่า -13% ใน 1 วัน)
[เงินเยน แข็งค่าต่อเนื่อง]
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 143.23 เยนต่อดอลลาร์ เงินเยนเทียบกับดอลลาร์แข็งค่าขึ้น +2%
ทั้งนี้ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากยุติการซื้อขายแบบ Carry Trade ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักลงทุนใช้ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน เนื่องจากในอดีตอัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบมาหลายทศวรรษ ทำให้สามารถกู้เงินได้ในราคาถูกและนำเงินที่ได้ไปแปลงเป็นสกุลเงินอื่น ๆ และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงกว่า
แม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียจะร่วงมากที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นโอกาสในวิกฤติ เพราะเป็นช่วงที่นักลงทุนช้อนหุ้นได้ในราคาถูก ๆ
หรือในบางทีถ้าเราถือเงินสดรอไปอีกสักหน่อย อาจจะได้หุ้นที่ถูกกว่านี้อีกก็เป็นได้นะ
#Stock2morrow #Stock #Asia #Invest #ตลาดหุ้น #การลงทุน