#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

สรุปธุรกิจ KCG ผู้ผลิตเนยและชีสเบอร์หนึ่ง หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,455 views

ในยามที่ตลาดหุ้นไทยกำลังผันผวนและเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย แต่โอกาสทองสำหรับนักลงทุนยังมีอยู่!

 

หนึ่งในนั้นคือโอกาสจากหุ้น KCG หรือ บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก ซึ่งเข้าตลาดหุ้นไปเมื่อปีที่ผ่านมา

 

 

KCG ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการวิจัยและพัฒนาเพื่อคิดค้นสูตร การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดจำหน่าย และการขนส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าในประเทศ รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทย โดยมีจำนวนผลิตภัณฑ์มากกว่า 2,100 รายการ แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม: เนย เนยแข็ง และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่แปรรูปจากนม
  • ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ: เช่น ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภค
  • ผลิตภัณฑ์บิสกิต: ผลิตภัณฑ์คุกกี้ แครกเกอร์ และเวเฟอร์

 

โดยยอดขายส่วนใหญ่ของ KCG มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ของยอดขายรวม และผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ฯ คิดเป็นสัดส่วน 28.9% และบิสกิต 10.3% ตามลำดับ (ข้อมูลงวดไตรมาส 1 ปี 2567)

 

 

ปัจจุบัน KCG เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มสินค้าทั้งประเภทเนยและชีส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 55.0% สูงสุดเป็นอันดับ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์เนย เช่นเดียวกับส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ชีสซึ่งเป็นอันดับ  1 ที่ 31.6% รวมทั้งยังมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ใน 5 อันดับแรกสำหรับวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารและเบเกอรี่และบิสกิต (อ้างอิงจากรายงานข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดในปี 2564 โดย Euromonitor) 

 

โดยผลิตภัณฑ์หลักอย่างเนยและชีสนั้นไม่เพียงเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของอาหารตะวันตก แต่ยังสามารถใช้ในการประกอบอาหารเอเชียฟิวชันได้ด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ KCG ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย โดย KCG จัดแบ่งแบรนด์ของบริษัทฯ เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ตลาดพรีเมียม ตลาดมาตรฐาน และตลาดประหยัด ซึ่งมีผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในแต่ละตลาดที่แตกต่างกัน

 

 

สิ่งที่ทำให้ KCG มีผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน เพราะความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ มีห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่โรงงานผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมทั้งการจัดจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลายครอบคลุม ผ่านระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของธุรกิจอาหาร

 

 

นอกจากนี้ KCG ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ‘KCG Excellence Center’ สำหรับศึกษาค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทำให้บริษัทฯ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะสามารถสร้างสรรค์เมนูใหม่ที่เข้ากับเทรนด์หรือความนิยมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว  และที่สำคัญคือทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

 

ในส่วนของแผนธุรกิจช่วง 5 ปีต่อจากนี้ KCG จะเน้นพัฒนานวัตกรรมสำหรับผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ในเรื่องการดูแลสุขภาพ และนำแนวคิด Digital Transformation เข้ามาใช้ในทุกส่วนงาน เพื่อยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจนให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารร่วมกับพันธมิตร และลงทุนในธุรกิจ Startup ที่เพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจหลักของบริษัทฯ

 

จากโมเดลธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ความแข็งแกร่งของห่วงโซ่คุณค่า และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจน ทำให้ KCG เป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต … 

 

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ KCG ได้ที่ www.kcgcorporation.com 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง