ข่าวพาดหัวที่เราอ่านเจอบ่อยๆ
“ผู้บริหารบริษัท XYZ เผย เตรียมฮุบโรงไฟฟ้าชีวะมวล 50 MW โชว์รายได้พุ่งกระฉูด รับรู้ทันทีไตรมาสนี้”
ฟังดูเหมือนน่าจะเป็นข่าวดีใช่มั๊ยครับ? เล่นปั๊มรายได้กระฉูดทันตาเห็นแบบนี้ พรุ่งนี้หุ้นขึ้นชัวร์!
แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนแนววิเคราะห์พื้นฐานที่ผ่านการเทรนและมีประสบการณ์ คุณจะรู้เลยว่าข่าวนี้แทบไม่ได้บอกอะไรคุณเลยด้วยซ้ำ ว่าบริษัท XYZ จะดีขึ้นหรือแย่ลง!
เพราะอะไร?
แค่เกมส์ทางบัญชี
แม้การซื้อสินทรัพย์เช่นโรงไฟฟ้า หรือการเข้าซื้อกิจการ (Take Over) ในหลายๆกรณีทางบัญชีจะสามารถรับรู้รายได้ทันที แต่เงินที่ต้องจ่ายไป (Capital Expenditure) สามารถทยอยตัดเป็นค่าเสื่อมราคาได้เป็นระยะเวลานาน ทำให้งบกำไรขาดทุนดูดีขึ้นทันตาเห็น
แล้วมันผิดตรงไหน?
แหม่... คนขายเค้าไม่ขายหมูง่ายๆหรอกครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าชีวะมวลนั้น คุณทำสัญญาขายไฟกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิด 20 ปี คุณรู้แน่ๆว่าอีก 20 ปีคุณน่าจะรับเงินสดประมาณเท่าไรและมีค่าใช้จ่ายเท่าไร คุณจะยอมขายหมูในราคาที่ต่ำกว่ากระแสเงินสดที่คุณคาดว่าจะได้รับในอนาคตเชียวหรือ?
ไม่มีทาง!
คนขายนอกจะไม่ยอมขายหมูแล้ว เห็นท่าบริษัท XYZ อยากจะซื้อซะขนาดนั้น คนขายจะบวกพรีเมี่ยมฟันกำไรซะด้วยซ้ำ
ถ้าบริษัท XYZ กะปั๊มรายได้ให้โตเร็วๆโดยยอมควักกระเป๋าตังซื้อโรงไฟฟ้าในราคาที่แพงเกินมูลค่า และยอมจ่ายพรีเมี่ยมสูงๆ แม้ระยะสั้นรายได้จะโตพรวดพราด แต่ระยะยาวบริษัทอาจจมกองหนี้ที่กู้มา หรือโดนเพิ่มทุนไม่รู้แล้วรู้จบ กลายเป็นเป็นกรรมของเม่าที่ไม่รู้เท่าทันเกมส์
แล้วการฮุบกิจการแบบไหนที่เรียกว่าดี?
มีข้อสังเกตคร่าวๆดังนี้
- ต้องอ่านรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ที่จะช่วยเราประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ที่จะซื้อ แต่เวลาอ่านแล้วต้องคิดตามนะครับว่าสมมุติฐาน (Assumptions) ที่ IFA ใช้นั้น สมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเคลิ้มเค้าบอกว่าควรซื้อก็เชื่อเค้าหมดใจ
- บริษัทซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเดิมหรือไม่ เช่นบางบริษัททำธุรกิจทำขายเสื้อผ้า วันดีคืนดีก็มีดำริจะทำโรงไฟฟ้าซะงั้น คนอะไรมันจะเก่งถนัดไปทุกด้านได้ ซื้อมาแล้วจะต่อยอดอย่างไร ไม่ใช่วันนี้ซื้อโรงไฟฟ้า วันหน้าซื้อตึกทำอสังหา วันถัดไปซื้อสโมสรฟุตบอล ซื้อมาแล้วก็ไม่ได้มาต่อยอดทำอะไรที่เพิ่มมูลค่า แบบนี้นักลงทุนต้องหลีกเลี่ยง
- ไม่ทำอะไรที่เกินตัว การซื้อบริษัทหรือสินทรัพย์ที่บางครั้งใหญ่กว่าบริษัทตัวเองเสียอีก สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดหนี้จำนวนมหาศาลจน D/E สูงเกิน 5-7 เท่า เพราะจะเสี่ยงมากหากกระแสเงินสดไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ และผู้ถือหุ้นอาจต้องเพิ่มทุนไม่รู้จักจบอย่างที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ
คราวนี้คุณก็รู้แล้วว่าถ้าเจอพาดหัวแบบนี้ ก็อย่าไปตื่นเต้นอะไรมาก ต้องดูเนื้อในก่อนครับ