หุ้น JMT หรือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)
หนึ่งในธุรกิจเรือธงของกลุ่ม JMART บริษัทบริหารหนี้ ติดตามหนี้สินที่กำลังโตแรงมากในช่วงที่ผ่านมา
ธุรกิจของ JMT แบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ในส่วนที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ โดย JMT จะได้รับค่าบริการติดตามหนี้เป็นร้อยละของมูลค่าหนี้ ที่บริษัทสามารถติดตามให้ลูกหนี้มาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
2. ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ เป็นการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในราคาลด แล้วมาบริหาร และติดตามเรียกเก็บหนี้
3. ธุรกิจนายหน้าประกันภัย เป็นนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ โดยรับค่าตอบแทนในรูปของคอมมิชชันจากค่าเบี้ยประกันภัย
4. ธุรกิจประกันภัย ทั้งประกันรถยนต์และประกันอื่น ๆ
โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สัดส่วนประมาณ 75%
และธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ สัดส่วนประมาณ 15%
ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของรายได้จาก JMT ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไปดูราคาหุ้นย้อนหลัง จะพบว่าร่วงลงมา "กว่าครึ่ง" ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น JMT ?
คำตอบสั้นๆ ที่พอจะอธิบายได้ คือ ผลประกอบการของ JMT อาจจะย่ำแย่ไปอีกสักระยะ
ราคาหุ้น JMT ลดลง -49% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
https://www.tradingview.com/symbols/SET-JMT/
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่า JMT อาจจะต้องอยู่ในวันที่แย่ๆไปอีกสักระยะ จาก 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1. เงินสดจากการเก็บหนี้ชะลอตัว
ฝ่ายวิจัย มองว่า พอร์ตหนี้เสียภายใต้ JK AMC ลดลงประมาณ -32% QoQ ซึ่งลดลงสูงกว่าพอร์ต JMT
ซึ่งจะทำให้การเก็บหนี้ยังคงลดลงประมาณ 10-15% QoQ ซึ่งจะเห็นผลในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่จะถึงนี้
2. ค่าใช้จ่ายทางกฏหมายเพิ่มเติมอีก 500 ล้านบาท
การประชุมนักวิเคราะห์ที่ผ่านมา JMT แจงว่า มีการใช้กลยุทธ์ทางกฏหมายกับลูกหนี้ เพื่อเร่งรัดการชำระหนี้ ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางกฏหมายราวๆ 500 ล้านบาท จากบัญชีประมาณ 1.5 แสนบัญชี
ซึ่งจะบันทึกแบ่งเป็น 350 ล้านบาท ใน 2Q67
และอีก 150 ล้านบาท ใน 3Q67
3. ผลประกอบการมีแนวโน้มลดลง
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า ผลประกอบการของ JMT มีแนวโน้มลดลง จากการเก็บหนี้ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย
อีกทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC มีแนวโน้มลดลง
ฝ่ายวิจัยมีการปรับประมาณการลง และเชื่อว่าบทวิเคราะห์หลายแห่งมีแนวโน้มปรับลดลงด้วยเช่นเดียวกัน
------------------
สรุป M ปรับตัวให้เติบโต ในวันที่ลูกค้าไม่นั่งทานในร้านเหมือนเดิม
------------------
สอดคล้องกับมุมมองของบทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี ที่มีมุมมอง "เป็นลบ" ต่อหุ้น JMT
โดยคาดว่า ผลประกอบการน่าจะลดลงประมาณ -19% จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น
ภาพรวมของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ค่าใช้จ่ายทางกฏหมายที่เพิ่มขึ้น และการเก็บหนี้ทีน้อยลง
จะเป็นตัวกดดันผลประกอบการของ JMT ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยกรุงศรี เชื่อว่า ฐานะการเงินของ JMT ยังคงแข็งแกร่ง
โดยมี D/E Ratio อยู่ที่ 0.46 เงินสดและสินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ราวๆ 2.2 พันล้านบาท
และวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่เบิกใช้ 1.7 พันล้านบาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า JMT ผลประกอบการ 2Q67 ไม่น่าตื่นเต้น และใกล้เคียงกับ 1Q24
จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า การค้างจ่ายค่างวดของลูกหนี้ และค่าใช้จ่ายพิเศษทางกฏหมาย
ทำให้ภาพรวมของ JMT ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
บทวิเคราะห์จึงแนะนำ "ขาย" โดยมองว่าทิศทางกำไรของ JMT ยังฟื้นตัวช้าตามภาพรวมของเศรษฐกิจ
โดยสรุปแล้ว JMT ผลประกอบการอาจจะเจอกับความท้าทายไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง จาก 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1. การเก็บหนี้ชะลอตัว การซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพต่ำกว่าที่คาดกันเอาไว้
2. รายจ่ายพิเศษ ในการดำเนินการทางกฏหมายอีก 1.5 แสนบัญชี ประมาณ 500 ล้านบาท
3. ผลประกอบการที่ "ทรงตัว" ค่อนไปทางแย่ อีกสักพัก
ถือเป็นช่วงเวลาของความท้าทายของ JMT ที่จะต้องผ่านช่วงระยะเวลาแย่ๆไปให้ได้
อนึ่ง หุ้น JMT มีค่า P/E Ratio อยู่ที่ 10.3 เท่า และ P/BV Ratio อยู่ที่ 0.76 เท่า
และอัตราเงินปันผลอยู่ราวๆ 5.93%
------------------------------------------------------------------------------
Reference
FactSheet : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย