Procter & Gamble (P&G) แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลกได้เข้ามาลงทุนเปิดตลาดในประเทศจีนเป็นเวลาหลายปี แต่การแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งภายในประเทศจีน ทำให้ P&G ต้องปรับภาพของตัวเองให้เป็นแบรนด์ระดับบน (High-End) มากยิ่งขึ้น
สำหรับ P&G แล้ว ยอดขายจากจีนคิดเป็น 8% ของยอดขายรวมของบริษัท ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดในตลาดหลัก 6 ตลาดรอบโลก โดยในไตรมาสล่าสุด P&G มียอดขายประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลล่าร์ ลดลง 9% โดยบริษัทเชื่อว่าเป็นผลของการแกว่งตัวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ
สำนักข่าว China Daily กล่าวว่า P&G มองการเติบโตของชนชั้นกลางในจีนผิดไป และทำให้ P&G อ่อนแอในการแข่งขันในสินค้าระดับบน ตัวอย่างก็คือ ผ้าอ้อมจาก P&G ต้องเจอการแข่งขันจากแบรนด์ระดับบนจากญี่ปุ่นอย่าง Merries Tape ของบริษัท Kao Corp. และ Goon และในหมวดสินค้าอื่น ต้องเจอกับคู่แข่งจีนอย่าง หมวดสินค้ายาสีฟัน ต้องเจอกับ Yunnan Baiyao ของจีน
อย่างไรก็ตาม P&G จีนยังคงเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัท และ P&G ยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนและเติบโตในจีนต่อไป โดยเฉพาะนโยบายการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจมาเน้นการบริโภคเป็นหลัก และการยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวของจีน P&G ยังเชื่อในศักยภาพมหาศาลของตลาดจีนอยู่
ต่อจากนี้ P&G จะลงทุนสร้างนวัตกรรมใหม่ในสินค้า และลงทุนในช่องทาง E-commerce ให้มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากยอดขายช่องทาง E-commerce ของ P&G ในประเทศจีนเติบโตเท่าตัวใน 2 ปี นอกจากนี้จะใช้ความได้เปรียบจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ระดับโลก แต่ยังสามารถตอบรับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้
ในฐานะบริษัทที่มีความแข็งแกร่งเรื่องการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกมานาน P&G จะสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้าในพอร์ตโฟลิโอ ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเข้าหาลูกค้าอย่างแม่นยำเพื่อสร้างแบรนด์และสร้างกลยุทธ์การเข้าทำตลาดที่ดีที่สุด จากแพล็ตฟอร์มเทคโนโลยีอย่าง Social Media, E-Commerce และ Big Data
P&G จะต้องเจอความท้าทายในตลาดจีนมากยิ่งขึ้น หลังจากพฤติกรรมผู้บริโภคจีนจำนวนมหาศาลของจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และแบ่งตัวเป็นกลุ่มหลากหลายรูปแบบ และยังต้องเจอคู่แข่งในช่องทางการค้าปลีกออนไลน์ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก China Daily และ Procter & Gamble
ขอบคุณภาพจาก Fortune - Zhang Peng/Getty Images
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown