หากพูดถึงขนมขบเคี้ยวรูปแบบใหม่ของไทยอย่างข้าวตัง แบรนด์ “เจ้าสัว” คงเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง ด้วยรสชาติความอร่อยจากสูตรลับตำรับ “เจ้าสัว” ผสานรวมกับกรรมวิธีการผลิตที่มีมาตรฐานระดับสากล และวัตถุดิบชั้นยอด บวกกับความหลากหลายของรสชาติที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เท่าทันเทรนด์การบริโภคของลูกค้า ส่งผลให้เจ้าสัวกระโดดขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค (Better-for-You Snack) ที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
ตลอดระยะเวลากว่า 66 ปี เจ้าสัวพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จากแบรนด์ของฝากจังหวัดนครราชสีมา สู่การเป็นผู้นำ Modern Thai Snack ที่มียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท ได้อย่างไร มาเจาะลึกถึงความแข็งแกร่งไปพร้อมกับ Stock2morrow กัน

บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO ถือกำเนิดเมื่อปี 2501 และจดทะเบียนบริษัทในปี 2539 ในชื่อ บริษัท เตียหงี่เฮียง (เจ้าสัว) จำกัด ต่อมาในปี 2554 จึงได้ก่อตั้งบริษัท โฮลซัม ทรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย โดยมี บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี เป็นผู้ถือหุ้น 99.9% ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ โดยส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และ “โฮลซัม (Wholesome)” ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มขนมขบเคี้ยว (Snack) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้สามารถรับประทานได้ทุกวัน ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง ทรงคุณค่าทางอาหาร มาพัฒนารูปลักษณ์ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย พกพาง่าย และหลากหลายรสชาติ สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่น ข้าวตัง หมูแท่งกรอบ แครกเกอร์ธัญพืช หมูแผ่น
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร (Meal) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- กลุ่มอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) เช่น กุนเชียง หมูยอ ไส้กรอกอีสาน
- กลุ่มอาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) เช่น หมูหยอง หมูสวรรค์ หมูเส้นฝอย
เจ้าสัวถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวในรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นทางเลือกของขนมขบเคี้ยวที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค (Better-for-You Snack) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าวตัง ขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack) และแครกเกอร์ธัญพืช ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่งผลให้ขนมขบเคี้ยวขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ มากกว่า 80% และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู ยังสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 โดยผลิตภัณฑ์ข้าวตังครองส่วนแบ่ง 78.5% และขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมูครองส่วนแบ่ง 57.2% ในปี 2565 ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งและการได้รับการยอมรับของแบรนด์เจ้าสัวได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเจ้าสัวถือเป็นว่าที่หุ้นน้องใหม่ที่น่าจับตามอง จากการอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ตามรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan ที่คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2565-2570 ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยว ตลาดข้าวตัง และตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 6.6%, 14.6% และ 23% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน บวกกับการมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ยังส่งผลให้ CHAO เข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มครอบครัวด้วยสื่อต่างๆ พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าให้หลากหลาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์มากกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ โดยมีช่องทางหลัก คือ กลุ่มร้านค้าปลีกและค้าส่งสัยใหม่ (Modern Trade) กว่า 24,000 แห่ง รวมถึงส่งออกสินค้าไปยัง 12 ประเทศทั่วโลก
จากความแข็งแกร่งดังกล่าว ส่งผลให้ CHAO มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องดังนี้
ปี 2564 รายได้ 1,135.1 ล้านบาท กำไร 64.4 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 1,413.6 ล้านบาท กำไร 86.6 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 1,493.4 ล้านบาท กำไร 161.6 ล้านบาท
และไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีรายได้ 336.2 ล้านบาท กำไร 26.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ CHAO ยังมีแผนขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์จากขนมขบเคี้ยวที่แปรรูปเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากเนื้อหมู และแครกเกอร์ธัญพืช เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านระบบอัตโนมัติ (Automation) รวมถึงการขยายโรงงานใหม่เพื่อผลิตสินค้าในกลุ่มที่ไม่ได้ผลิตจากเนื้อหมู ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 2,000 ตันต่อปี
จากความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ความแข็งแกร่งของผลประกอบการ โอกาสทางธุรกิจ รวมถึงชื่อเสียงอันยาวนานของแบรนด์ ส่งผลให้ CHAO เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีศักยภาพ และมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต...