มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ ทำอย่างไร การลงทุนของเราถึงจะไม่ติดดอย
จริงๆแล้ว การลงทุนกับการติดดอย เป็นเรื่องที่มาแทบจะคู่กันและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราคิดอยากจะเป็นนักลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือสมัครเล่น หรือแม้แต่เซียนมืออาชีพ ล้วนเคยติดดอย และเจ๊งกันมาทั้งนั้น
แต่ความแตกต่าง คือ มือสมัครเล่น ล้มแล้วเลิก
แต่มืออาชีพ ล้มแล้วลุกขึ้นมา สู้ใหม่ ศึกษาใหม่ เรียนรู้ใหม่ และค้นหาการลงทุนใหม่ๆ ที่มีโอกาสและราคาอยู่ในระดับต่ำ
คำว่า "ราคาต่ำ" เป็นประเด็นที่เราต้องกลับมาคิด
ทำอย่างไร เราถึงซื้อสินทรัพย์ได้ในราคาต่ำๆ
คำตอบ คือ ให้ซื้อในเวลาที่คนไม่สนใจ หมดหวัง แล้วก็สิ้นหวังกันหมดแล้ว
ในเวลาที่คนส่วนใหญ่ มีแนวความคิดไปในทางเดียวกันว่า
การลงทุน XXX หมดหวังแล้ว หรือสิ้นหวังแล้ว
ถ้าเราลองสังเกตดีๆ จะพบว่า การลงทุน XXX มักจะราคาไม่แพง
และถ้าเรารอไปสักระยะหนึ่ง การลงทุน XXX จะกลับมา Outperform มากๆ และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ตัวอย่างเช่น ทองคำ ช่วงหนึ่งก็บอกว่าหมดยุคแล้ว
พอมาวันนี้แตะจุดสูงสุดใหม่
Bitcoin คนก็บอกว่าหลอกหลวง, เจ๊งแล้ว พังแล้ว ลุกช้าจ่ายรอบวง
พอมาวันนี้ราคาแตะ All Time High คนก็กลับมาสนใจอีกครั้ง เป็นแบบนี้แทบจะทุกครั้ง
ดังนั้น คำพูดที่บอกว่า ให้ซื้อในขณะที่คนอื่นกลัว เป็นหลักการที่ใช้ได้จริง แต่เวลาทำกลับทำได้ยากยิ่ง
เพราะส่วนใหญ่แล้ว ความคิดของเราจะเกาะไปกับมวลชน
มวลชนเห็นว่าอะไรดี เราก็มองว่ามันดีด้วย โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า มันแพงไปแล้ว คนซื้อกันแล้ว กำไรกันแล้ว และกำลังจะเทขายกันแล้ว
จังหวะที่เราซื้อ คนที่เขาอยู่ไม้แรกๆก็เทขายลงมา เราก็เลยติดดอยอย่างที่เห็น
สรุปคือ ทำอย่างไร ไม่ให้ติดดอย
คำตอบสั้นๆ คือ อย่าซื้อตามมวลชน
การซื้อนสินทรัพย์ในขณะที่คนอื่นกลัว ทำได้ยาก เพราะเหตุผลที่อยู่ตรงหน้ามันชี้ว่า "ไม่น่าสนใจ"
และถ้าเราไปซื้อเราก็อาจจะดอยได้ แต่เป็นการดอยสั้นๆ และสินทรัพย์นั้นก็จะกลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างดี
เราลองมาสำรวจกันว่า ณ เวลานี้ มีสินทรัพย์อะไรที่ "ไม่น่าสนใจบ้าง"
ไม่แน่ว่าสิ่งนั้น จะกลับมาและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำครับ