บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SJWD) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร สรุปถึงไฮไลต์การดำเนินงานในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดต้นทุน การเพิ่มยอดขาย (Up-Sale) และเสนอขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหลัก (Cross-Sale) จากฐานลูกค้าเดิม ซึ่งสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 41 ล้านบาท และมีรายได้จาก Cross-Sale & Up-Sale 47.7 ล้านบาท นับว่ามีผลลัพธ์ที่ดีและตั้งเป้าหมายเติบโตในสเกลที่ใหญ่ขึ้น
ล่าสุด SJWD ได้เผยแผนธุรกิจปี 2567 ภายใต้งบลงทุนกว่า 4,600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโต 12% จากปีที่แล้ว เนื่องจากมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในปี 2567 ของ 5 ประเทศหลักในภูมิภาคอาเซียน คือ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 4.5% ในปีนี้ โดย SJWD ได้วางกลยุทธ์ทั้ง 3 ด้าน ดังนี้
- ขยายและเชื่อมโครงข่ายโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในระดับภูมิภาค (Regional Connectivity & Expansion)
- เพิ่มความแข็งแกร่งและยกระดับธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น และ ออโตโมทีฟ (Strengthen & Scale up Cold Chain & Automative)
- สร้างโอกาสจากธุรกิจใหม่ (New Business Opportunities)
กลยุทธ์แรก ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้ คือ “Regional Connectivity & Expansion” โดย SJWD ได้ขยายการลงทุนในตัวแทนขนส่งสินค้าและเข้าลงทุนในบริษัทให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรายใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้บริการที่ครบทุกโหมดการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียนและประเทศจีนตอนใต้ ผ่านการลงทุนใน 3 บริษัทฯ ดังนี้
- เข้าถือหุ้น 4.2% ใน บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร โดย SINO มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่าง ไทย-สหรัฐอเมริกา เป็นอันดับ 1 ในไทยและปัจจุบันเป็นอันดับ 6 ของโลก
- เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 20.12% จากเดิม 8% ใน บมจ. เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าให้กับสายการบินต่าง ๆ (General Sales Agent) โดยปีที่ผ่านมา ANI มีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจ GSA ในอาเซียนและจีนถึง 20-25%
- เข้าซื้อหุ้น 20.44% ในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT (สวิฟท์) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุน SJWD ในเรื่องการขนส่งสินค้าข้ามแดนในเส้นทางไทย - มาเลเซีย – สิงคโปร์ รวมถึงจีนตอนใต้
อีกทั้ง SJWD ยังมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมโดยเตรียมเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม จำกัด หรือ SCG Inter Vietnam ภายในช่วงไตรมาส 2/2567 นี้ ซึ่งการเข้าลงทุนทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเป็น 40% ในปี 2570 ของ SJWD
กลยุทธ์ที่ 2 “Strengthen & Scale up Cold Chain & Automative” คือ ใช้จุดแข็งของ SJWD ด้านการให้บริการห้องเย็นครบวงจร แบบ End-to-end ในการขยายตลาดบริการโลจิสติกส์แก่ผลิตภัณฑ์ยาครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างรายได้เติบโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีคลังห้องเย็นที่เปิดบริการแล้ว 6 ทำเล และวางแผนขยายคลังสินค้าห้องเย็นอีก 5 ทำเล ขณะเดียวกันก็จะรวมเครือข่าย FUZE POST ที่ให้บริการจัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน เพื่อตอบสนองดีมานด์ตลาดแบบ B2B2C
ในด้านธุรกิจออโตโมทีฟ โลจิสติกส์ (บริการจัดเก็บและบริหารยานยนต์) วางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เช่นเดียวกัน สอดคล้องกับความต้องการตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งในปัจจุบัน SJWD เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แก่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันรายใหญ่ในไทย ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30-35% อีกทั้งยังมีแผนการนำโมเดลธุรกิจออโตโมทีฟ โลจิสติกส์ไปให้บริการในประเทศเวียดนามอีกด้วย
และกลยุทธ์สุดท้าย คือ “New Business Opportunities” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่
- ธุรกิจคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit โดยก่อสร้างตามความต้องการของผู้เช่า ในปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนารวม 9 ทำเล รวมถึงมีแผนนำคลังสินค้าจัดตั้งกองรีท (REIT) ในปีนี้
- ขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์แก่อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์และยาที่มีศักยภาพเติบโตสูง ด้วยการเตรียมคลังสินค้าไว้รองรับ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และยา คาดว่าจะสร้างรายได้แก่ SJWD 70 ล้านบาทในปีนี้
- ธุรกิจพื้นที่เก็บสินค้าให้เช่าภายใต้แบรนด์ MeSpace Self Storage โดยตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 53% จากปีก่อน ปัจจุบันมีพื้นที่เก็บสินค้าให้เช่าจำนวน 10 สาขา โดยมี บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN เป็นพันธมิตรธุรกิจด้านการจัดหาทำเลที่เหมาะสม
นอกจากการวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจแล้ว SJWD ยังมีนโยบายดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยวางแผนมุ่งสู่ Net Zero Carbon ในปี 2593 โดยในปี 2567 นี้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 10% ผ่านทั้งหมด 5 กิจกรรม คือ
- การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบระหว่างการขนส่งทางรถ รางและเรือเข้าด้วยกัน (Multimodal Transportation)
- การบริหารรอบรถบรรทุกสินค้าเที่ยวไปและกลับ (Backhaul Matching)
- การใช้รถขนส่งเชื้อเพลิงทางเลือกเข้ามาทดแทนการขนส่งด้วยรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
- การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ที่อาคารคลังสินค้า
- การใช้เทคโนโลยีจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) โดยเริ่มจากคลังสินค้าห้องเย็นตั้งแต่ปี 2562
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมกลยุทธ์และการดำเนินงานของ SJWD ในปี 2567 ที่ต้องการเติบโตมุ่งสู่ธุรกิจระดับภูมิภาคและเป็นตัวอย่างธุรกิจที่ขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน
![](https://cdn.stock2morrow.com/images/2RqwK/1712290399860.jpg)