นักลงทุนหลายท่านเป็นคนเก่ง เป็นคนขยัน ขวนขวายหาความรู้ทุกอย่าง บางคนเป็นถึงหมอ เป็นอัยการ เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โต แต่ทำไม เวลาเอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นถึงขาดทุน? นี่เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่สำหรับนักลงทุนที่อยากจะรวยเร็ว และนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ตลาดหุ้นในระยะสั้น “การได้เงิน หรือ การเสียเงิน” มันเป็นจังหวะที่ต้องชิงไหวชิงพริบกัน มันเป็น Zero Sum Game ที่คนกลุ่มหนึ่งรวยขึ้น คนอีกกลุ่มย่อมต้องจนลงเป็นธรรมดา และกลุ่มที่มักได้เปรียบในสงครามการเงิน คือ กลุ่มคนที่มีเงินมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น กองทุน เจ้าของหุ้น เจ้ามือ นักลงทุนรายใหญ่ หรือพวก Proprietary Trader (ที่เรามักได้ยินในชื่อ ป๊อปเทรด) เป็นต้น
แล้วทีนี้ เราจะชนะคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร ?
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในระยะสั้น หุ้นขึ้นเพราะอะไร? หุ้นลง เพราะอะไร? และในระยะยาว หุ้นขึ้นเพราะอะไร? และหุ้นลงเพราะอะไร? ซึ่งถ้าเราไปอ่านหนังสือศาสตร์ของ Value Investing ก็จะสอนให้ลงทุนในบริษัทชั้นยอด แต่ไม่เคยบอกว่า เมื่อใดควรซื้อและเมื่อใดควรขาย ส่วนสำหรับหนังสือ Technical Analysis อาจจะบอกจังหวะในการเข้าซื้อหรือออกหุ้น แต่ไม่เคยบอกว่า หุ้นตัวไหน ปัจจัยพื้นฐาน ดีหรือแย่ อย่างไร
ดังนั้นลำพังหลักการของ VI และ TA ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้ ซึ่งถ้าเราคิดจะสู้กับคนที่มีความได้เปรียบทางด้านทุนมากกว่า อย่างน้อย สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ หลักๆ คือ
1. ศาสตร์แห่งการลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน
2. ศาสตร์แห่งการลงทุนตามปัจจัยเทคนิค
3. Money Management
4. จิตวิทยาการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ จิตวิทยาของตัวเราเอง และจิตวิทยาของนักลงทุนคนอื่นๆ ทุกกลุ่ม
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่นำพาให้ผมสามารถอยู่รอดในตลาดหุ้นได้มาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณรู้จักตนเองดีพอ และเมื่อคุณรู้จักตนเองพอแล้ว คุณจะต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มอื่นด้วย เพื่อสามารถวาง Trading Strategy (วางแผนกลยุทธ์การเทรด) เพื่อรับมือกับคนกลุ่มเหล่านั้นได้ ดังคำที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะ ร้อยครั้ง!”