#แนวคิดด้านการลงทุน

อย่าโดน “พาร์” หลอก

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
115 views

 

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง..

 

นาย ก:    อาทิตย์หน้ามีหุ้น A กับ หุ้น B เข้า IPO สนป่าวเพื่อน?

 

นาย ข:    หูยยย.... เล็งอยู่ ขอโพยหน่อยเข้าตัวไหนดี เอาแบบฟันธงมาเลยยยยย  ขึ้เกียจอ่านรายละเอียด

 

นาย ก:    จัดเต็ม หุ้น A เลย ชัวร์!

 

นาย ข:    ทำไมอ่ะ ขอคำอธิบายแบบสั้นๆเน้นๆนะ ไม่ชอบยาวๆเยิ่นเย้อ

 

นาย ก:   ง่ายนิดเดียว หุ้น A พาร์ 1 บาท ขาย IPO 1.3 บาทเอง ..... ส่วนไอ้หุ้น B เจ้าของโคตรเคี่ยว ราคาพาร์ต้นทุนของมันแค่ 1 บาทเหมือนกัน แต่ขาย IPO ตั้ง 26 บาท ตั้งราคาแพงโคตรกะขายหุ้นทิ้งไปเลยอ่ะดิ ใครซื้อก็โง่แล้ว!

 

นาย ข:    เออจิง... งั้นจัดไป หุ้น A เต็มปอด!

 

ใครเคยเจอคนแนะนำแบบนี้บ้างครับ ยกมือขึ้น

 

ถ้ามีคนแนะนำคุณให้ดูราคาพาร์ แล้วตัดสินว่าหุ้นนั้นถูกหรือแพง บอกได้เลยครับว่า #ผิด

 

 

จริงๆแล้ว ราคาพาร์แทบไม่มีความหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ!

 

เพราะอะไร? มาดูตัวอย่างง่ายๆกันครับ (ตัวเลขเยอะหน่อย แต่อ่านแล้วคุ้ม รับรอง):

 

บริษัท A

 

บริษัท A เปิดมาแล้ว 10 ปี จดทะเบียนบริษัทที่พาร์ 1 บาท ทุนจดทะเบียนชำระเต็ม 10 ล้านบาท มี 10 ล้านหุ้น

ทำธุรกิจสิ่งทอธรรมดาๆที่ไม่ค่อยจะโตเท่าไร มาร์จินกำไร (NPM) ตกปีละ 10% และกำไรเฉลี่ยโตแค่ปีละ 3% 

เนื่องจากธุรกิจก็งั้นๆ ออร์เดอร์ก็เรื่อยๆ เจ้าของก็ไม่ต้องลงทุนเปิดโรงงานเพิ่มอะไร  เงินกำไรเหลือไม่รู้จะเก็บไปทำอะไร เลยจ่ายปันผลออกมาเยอะถึง 80% ของกำไร

 

ดังนั้น Book Value ของบริษัท A ณ วันนี้จึงอยู่ที่ประมาณ 1.23 บาท/หุ้น

 

เนื่องจากกลุ่มธุรกิจสิ่งทอที่เทรดกันในตลาดไม่ได้มีค่า P/E สูง (ประมาณ 10x) ทาง FA/Underwriter ประเมินมูลค่าและให้ P/E 10 เท่าเหมือนๆกัน 

 

หุ้น A จึงตั้งราคา IPO ที่ 1.3 บาท คิดเป็น P/E 10 เท่า และ P/BV ที่ 1.06 เท่า และไม่มี Discount ให้นักลงทุนเลย

 

 

บริษัท B

 

บริษัท B เปิดมาแล้ว 10 ปีเหมือนกัน จดทะเบียนบริษัทที่พาร์ 1 บาท ทุนจดทะเบียนชำระเต็ม 10 ล้านบาท มี 10 ล้านหุ้น (เหมือนบริษัท A เป๊ะ) แต่เถ้าแก่บริษัท B ทำธุรกิจผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่เกาะกระแสธุรกิจโรงพยาบาล มาร์จินกำไร (NPM) ดี ปีละ 20% และกำไรเฉลี่ยโตวันโตคืนปีละ 25% 

 

เนื่องจากธุรกิจดี ออร์เดอร์จากโรงพยาบาลมาเพียบ โรงงานที่มีอยู่เดินเครื่องจักรผลิตกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่พอ  เถ้าแก่จึงต้องลงทุนเปิดโรงงานใหม่อยู่เรื่อยๆ แกเลยไม่จ่ายปันผลเลยและเก็บกำไรมาลงทุนต่อ 

 

ดังนั้น Book Value ของบริษัท B ณ วันนี้ จึงอยู่ที่ประมาณ 7.65 บาท/หุ้น

 

เนื่องจากกลุ่มธุรกิจผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์มีค่า P/E ตลาดสูง  (ประมาณ 25x) เพราะตลาดมองเห็นอนาคตอีกไกล  ทาง FA/Underwriter ประเมินมูลค่าและให้ P/E 25 เท่าเหมือนๆกัน 

 

หุ้น B จึงตั้งราคา IPO คร่าวๆ ที่ 37 บาท คิดเป็น P/E 25 เท่า และ P/BV ที่ 4.86 เท่า  แต่ด้วยความที่เถ้าแก่อยากระดมทุนเยอะหน่อยเพราะต้องเปิดอีกหลายโรงงาน  จึงให้ Discount อีก 30% เบ็ตเสร็จจึงเคาะราคา IPO มาที่ 26 บาท คิดเป็นแค่ P/E 17.5 เท่า และ P/BV ที่ 3.4 เท่า

 

เป็นคุณจะเลือกบริษัทไหนครับ?

 

หุ้น B มีข้อดีกว่าเกือบทุกประการ แถมราคา IPO ยังมี Discount ให้อีก และถ้าดูลึกขึ้นอีกนิดจะเห็นว่า PEG ratio ของหุ้น B นั้นสุดแสนน่าดึงดูดใจ เพราะต่ำเพียง 17.5/25 = 0.7 เท่า แค่นั้นเอง 

 

เรียกได้ว่าราคาของ หุ้น B นั้นต่ำกว่าพื้นฐานของบริษัท (undervalued) ด้วยซ้ำ!

 

สรุป

 

เลิกดูได้แล้วครับ ราคาพาร์ เพราะมันแทบไม่มีความหมายอะไรเลยว่าหุ้นถูกหรือหุ้นแพง

 

ถ้ามีเพื่อนคนไหนยังเอาราคาพาร์มาเปรียบเทียบ.... คุณก็สะกิดเค้าหน่อยละกันครับ 555

 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง