หลายๆครั้ง หุ้นที่ถูกกระชากขึ้นไปในระยะเวลาอันสั้น เราจะเรียกหุ้นตัวนั้นว่าถูก Corner
หรือ การที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญๆกวาดซื้อหุ้น จนมีอำนาจในการควบคุมราคาหุ้นได้
สามารถทำให้ราคาหุ้นชน Ceiling +30% หรือจะกดเก็บของจนหุ้นติด Floor -30% ก็ทำได้เหมือนกัน

ไม่ใช่แต่เรื่องของหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่สินทรัพย์หลายๆประเภทก็สามารถถูก Corner ได้ด้วย
ถ้ามีรายใหญ่เข้ามากวานซื้อมากพอจนมีอำนาจในการควบคุมราคาสินทรัพย์นั้นๆ
คำถาม คือ เราพอจะมีวิธี "รู้ได้อย่างไร" 
ว่าหุ้นหรือสินทรัพย์ประเภทไหนกำลังถูก Corner อยู่บ้าง ? 
คำตอบ ก็คือ พอมีวิธีสังเกตจาก 2 วิธีด้วยกัน

วิธีแรก เราสามารถสังเกตได้จาก Market Cap. หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
หุ้นขนาดเล็ก มีโอกาสถูก Corner ได้ง่ายกว่าหุ้นขนาดใหญ่
เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นกลุ่มนี้ ใช้เงินจำนวนไม่มาก ก็สามารถควบคุมราคาได้
หุ้นขนาดเล็ก คือ หุ้นที่มี Market Cap ประมาณหลักร้อยล้าน ไปจนถึงพันล้าน
... แต่ในปัจจุบัน หุ้นขนาดกลางก็สามารถถูก Corner ได้ด้วยเหมือนกัน 
และสามารถ "ไล่ราคา" จนกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ และผ่านเกณฑ์ในการถูกคำนวนในดัชนี SET50

วิธีที่สอง สังเกต "Free Float"
Free Float หรือ สัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อย มีหน่วยเป็น "เปอร์เซ็นต์"
ยิ่ง % Free Float มากเท่าไร แสดงให้เห็นว่ามีนักลงทุนรายย่อยมากเท่านั้น

หุ้นตัวไหนที่มี % Free Float สูง 
แปลว่า มีผู้ลงทุนรายย่อยถือหุ้นตัวนั้นมาก สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นจะสูง
ในทางกลับกัน ถ้าหุ้นตัวไหนที่มี % Free Float ต่ำ
แปลว่า มีผู้ลงทุนรายย่อยถือหุ้นตัวนั้นน้อย สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นจะต่ำ
... หุ้นที่มี Free Float ต่ำ จึงมีโอกาสที่จะถูก Corner ได้ง่ายกว่าหุ้นที่มี Free Float สูง 
เพราะจำนวนหุ้นกระจายไปในกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม ทำให้ปริมาณหุ้นเหลือน้อย จึงสามารถควบคุมราคาได้

โดยส่วนใหญ่แล้ว หุ้นที่ถูก Corner มักจะเป็นหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นสูงในระยะเวลาอันสั้น 
และสูงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เช่น หุ้นที่มี Market Cap. ระดับ 500 - 600 ล้าน สามารถพุ่งสูงแตะระดับหมื่นล้านบาทภายในไม่กี่เดือน ก็อาจจะคาดเดาได้ว่าเป็นหุ้นที่ถูก Corner หรือถูกควบคุมราคา
ส่งผลให้ค่า P/E Ratio อยู่ในระดับที่ "เป็นไปไม่ได้" 
เช่น หุ้นที่มี P/E 1,000 เท่า อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ในตลาดหุ้นไทย

สุดท้าย หุ้นที่ถูก Corner ราคาก็จะกลับเข้าสู่ความเป็นจริงในท้ายที่สุด
ถ้าพื้นฐานตามไม่ทัน หรือตามทันแต่ไม่ทันอย่างที่คาดหวัง นั้นหมายถึงหายนะของผู้ที่เข้ามาทีหลัง ที่ต้องขาดทุนอย่างหนักมหาศาล
ดังนั้นแล้ว ถ้าเราไม่มั่นใจ 
หรือไม่กล้าที่จะ "คัตลอส" เวลาผิดทาง
คำแนะนำก็คือ หลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด