1.ข่าวสารการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ถือว่าน้องๆ Perfect Storm เหมือนกันนะครับ คือข่าวร้ายมาประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมายเยอะเหลือเกิน หลายๆตัวเลขชี้ว่าเศรษฐกิจเรากำลังย่ำแย่
2.เราลองไล่เรียงข่าวที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจเรากำลังอยู่ในช่วงย่ำแย่ เช่น
-> คนกู้ซื้อบ้านราคา 1-3 ล้านบาท ไม่ผ่านเยอะมาก อัตราการปฏิเสธกู้ซื้อบ้านสูงในระดับลงหนังสือพิมพ์กันทุกฉบับ
-> อัตราการปฏิเสธการกู้ซื้อรถสูง แถมราคารถยนต์มือสองนี่ตกรุนแรงมากนะ นอกจากตีความเรื่องรถอีวีมาเบียด ก็ต้องไม่ลืมว่า คนจำนวนไม่น้อยไม่มีตังค์จะซื้อรถที่เต็นท์กัน
-> % หนี้ครัวเรือนสูงทั้งแผ่นดิน
-> ห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดมีค่า sssg ติดลบต่อเนื่องตลอดไตรมาส 4 ปี 66
ทั้งหมดนี้พอจะกล่าวได้ว่าเราอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำนะครับ
3.ภาพที่เราได้เห็นเพิ่มเติมในงบไตรมาส 4 ที่ผ่านมาคือ มีบริษัทจำนวนมากถือโอกาสนี้อันดีนี้ ไหนๆจะเลวร้ายแล้ว ก็เลวเพิ่มไปอีกหน่อยไปเลย กลายเป็นมหกรรมการปรับด้อยค่าสินทรัพย์ Impairment รับรู้ขาดทุนรายการพิเศษทั้งแบบ one time ชั่วคราวครั้งเดียวและยังมีแบบตัดมูลค่าของธุรกิจที่ destroying value ทิ้ง
4.ข่าวร้ายคือ สิ่งเหล่านี้มันทำให้กำไรตลาดหุ้นดูแย่ และเราก็ถูก downgrade earningsจนได้ ... แต่ข่าวดีก็คือ อย่างน้อยที่สุดเราคาดหมายได้ว่า หลายๆบริษัทได้ทำ big cleaning ยัดของแย่ใส่งบ big bath เรียบร้อย
5.ถ้ามองผลประกอบการไตรมาส 1 เอาแบบให้เลือกที่จะฟันธงว่ากลุ่มไหนน่าจะทำผลประกอบการได้ดี ผมขอเลือก
-> กลุ่มท่องเที่ยว ที่จะโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4และ
-> กลุ่มค้าปลีกเป็นกรณี bottom out แย่สุดแล้วฟื้น
6.สัญญาณการท่องเที่ยวไทยถือว่าดีมากนะครับ คนจีนที่ปีที่แล้วดูเหมือนไม่เข้า แต่ 2 เดือนแรกของปี 67 นี้เข้ามาแบบชัดเจนจะแจ้ง นโยบายรัฐสนับสนุนเต็มที่ ผมเดินทางขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศหรือเดินทางภายในประเทศ flight เต็มเกือบทุกที่นั่งและราคาตั๋วเครื่องบินไม่ถูกเลย สนามบินคนแน่นหนาตา โรงแรมราคาหัองพักทุกอย่างกลับไปก่อนโควิดหมดแล้ว
7.ในขณะที่กลุ่มค้าปลีก ไตรมาส 1 ปี 67 จะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่รัฐบาลยังไม่มีงบประมาณอัดฉีดและ domestic consumption จะยังคงแย่อยู่ ... แต่ตั้งแต่ไตรมาส 2 เมษายน พฤษภาคมเป็นต้นไป เงินรัฐอัดฉีดเข้าระบบก้อนแรกจะมา ซึ่งจะมากจะน้อยผมเชื่อว่า ควรจะดีขึ้น และไม่ควรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ที่สำคัญคืองบประมาณก้อนนี้จะมีช่วงเวลาใช้ในปีงบประมาณนี้ที่สั้นลงนั่นหมายความว่าอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนจากเกิดขึ้นในอัตราเร่ง อันนี้ดีทั้งกับงานรับเหมาของรัฐและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
8.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มที่พึ่งพาได้แบบยาวๆนะผมคิดว่า จะเป็นช่วงเวลา 3 ปีที่กิจการนี้เติบโตไปได้อีกเรื่อยๆ ตอนนี้กิจการใหญ่หัวขบวนย้ายฐานการผลิต fdi เข้ามาแล้วและตามธรรมชาติ supply chain ของพวกนี้จะค่อยๆทยอยตามมา เชื่อหรือไม่ว่าเพื่อนคนจีนของผมที่ไม่เคยติดต่อผมมา 20 ปียัง WeChat มาถามเรื่องการตั้งโรงงานเลย
9.ถ้าเศรษฐกิจภายในประเทศ Domestic Consumption ฟื้น ... หุ้นเพื่อการบริโภค F&B ค้าปลีก สื่อสารต่างๆ จะทยอยกลับมาได้ ผมเองยังมีความเชื่อว่าปีนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนของภาพรวม SETเรา จะเติบโตขึ้นครับเพราะว่าปีที่แล้วออกมาย่ำแย่มาก
10.จริงอยู่...ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ข่าวสารดูติดลบมากแต่มองไปข้างหน้ามันจะแย่กว่านี้อีกไหม ???
คำถามนี้ถ้า
ตอบถูก...ได้เงิน
ตอบผิด...เสียเงิน
หรืออย่างน้อย คือเสียโอกาสครับ