ความผันผวนของเศรษฐกิจปี 2566 อาจส่งผลให้ยอดขายสินค้ามากมายลดลง ทว่าตรงกันข้ามกับสินค้ากลุ่มลักชัวรี่ที่ยังรักษาการเติบโตได้ดี เนื่องจากเป้าหมายของสินค้าระดับบนคือผู้มีรายได้สูง ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย จึงมีอำนาจซื้อมากกว่า ซึ่ง ‘บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน)’ หรือ EURO ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจ Luxurious & High Quality Living ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตสวนทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
EURO เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนสแบรนด์ชั้นนำระดับลักชัวรี่กว่า 25 แบรนด์ ล่าสุดบริษัทฯ เผยว่าจากปี 2566 สามารถทำรายได้จากการขายและบริการได้ 1,263 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21% และมีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ซึ่งปัจจัยความสำเร็จมาจากเทรนด์การบริโภคสินค้าลักชัวรี่และเทรนด์การออกกำลังกายรักษาสุขภาพเติบโตขึ้น ทำให้ความต้องการฟิตเนสและอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนอันเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยและมีรายได้สูง ส่งผลให้ฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าทั่วไป (B2C) ของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรี่เริ่มฟื้นตัว ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) ดังกล่าวเพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามแผน โดยตั้งเป้าว่าจะเติบโตมากขึ้นจากปี 2566 และทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20% เนื่องจากตลาดลักชัวรี่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก เพราะกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และยังคงอุปโภคบริโภคสินค้าระดับบนที่นำเข้าจากต่างประเทศอยู่ สะท้อนผ่านผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของสินค้าลักชัวรี่หลายประเภท รวมถึงมีปัจจัยสนับสนุนด้านอื่น ๆ เสริมด้วย ได้แก่
- ยอดสั่งซื้อสินค้าที่รอส่งมอบ (Backlog)
- การขยายตลาดสู่จังหวัดอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดี รวมถึงการขยายโชว์รูมใหม่ที่ภูเก็ตเร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ เพื่อขยายฐานลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในภูเก็ต
- การเปิดโชว์รูมใหม่อีกแห่งในย่านทองหล่อ ซอย 5 ในไตรมาส 2/2567
ทั้งนี้ EURO ถือเป็นหนึ่งในหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่โดดเด่นด้านธุรกิจลักชัวรี่อย่างมาก ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์หรู 16 แบรนด์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มีโชว์รูมถึง 5 แห่งในกรุงเทพฯ มีการให้บริการครบวงจรโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความชำนาญ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในได้ในทุกขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งบ้าน โรงแรม อาคารสำนักงาน และสปอร์ตคลับ โดยปัจจุบัน EURO เป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีค่า P/E (ราคา/ กำไรสุทธิต่อหุ้น) ต่ำที่สุดในกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นโดยเฉพาะรายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ปี 2563 783 ล้านบาท
ปี 2564 839 ล้านบาท
ปี 2565 1,068 ล้านบาท
เรียกได้ว่า EURO ถือเป็นหุ้นไทยอีกหนึ่งตัวที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตไปกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ในระดับลักชัวรี่ และยังมีตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย …