#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

รู้จัก CREDIT ธนาคารไทยเครดิต หุ้นแบงก์ไทยในรอบ 10 ปีที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้น

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,047 views

เมื่อไม่นานมานี้ เชื่อว่านักลงทุนไม่มากก็น้อยจะได้ยินข่าวการขายหุ้นของ "CREDIT"
หรือธนาคารไทยเครดิต จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเร็วๆนี้
โดยหลักๆสำคัญ คือ การเสนอราคาเบื้องต้นอยู่แถวๆ 28.00-29.00 บาทต่อหุ้น และราคาพาร์อยู่ที่ 5 บาท
ในขณะที่วันเสนอขายหุ้น เปิดขายรายย่อย 23-26 มกราคม 2567
และวันที่เริ่มซื้อขาย คือวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี 2567

 

ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มสนใจแล้วว่า CREDIT เคยเห็นสาขามาบ้าง
แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่า บริษัททำธุรกิจอะไร และมีความเป็นมาอย่างไร
รวมถึงการเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย มีข้อมูลอะไรที่นักลงทุนต้องสนใจบ้าง

 

CREDIT ทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าบุคคล 
โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักที่ให้บริการ ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) 
สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) 
และสินเชื่อบ้านที่ให้แก่ลูกค้าบุคคล

 

จุดเริ่มต้นของ CREDIT มาจาก  บริษัท กรุงเทพสินทวี จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงิน 
รูปแบบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ซึ่งมีขอบเขตการให้บริการ คือ
1. รับฝากเงินหรือรับเงินจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อครบกำหนดระยะเวลา
2. ให้สินเชื่อ ให้กู้ยืมเงิน โดยมีเงื่อนไขการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์
3. รับซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยวิธีขายฝากเท่านั้น
ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทอีก 3 ครั้ง
โดยในปี 2523 เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เครดิตฟองซิเอร์กรุงเทพสินทวี จำกัด
ในปี 2524 เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ไพบูลย์เคหะ จำกัด
และในปี 2526 เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด
โดยบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ตามขอบเขตธุรกรรมของธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 

ก่อนที่ปี 2548 จะแปรสภาพมาเป็น "มหาชน" ในชื่อ บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ ไทยเคหะ จำกัด (มหาชน) 
ด้วยทุนจดทะเบียน 330,000,000 บาท ก่อนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000,000,000 บาท เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2548
ต่อมาในปี 2549 บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด (มหาชน) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการธนาคารพาณิชย์ และใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศจากกระทรวงการคลัง เพื่อประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย
และเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ มาเป็น ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2550 
โดยจุดประสงค์หลักของบริษัท คือ การสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันกับสถาบันการเงินอื่น
และมีเป้าหมายในการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อย
อีกทั้ง ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เป็นธนาคารไทยแห่งแรกและแห่งเดียวที่มุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ
โดยกลุ่มลูกค้าครอบคลุมตั้งแต่ เจ้าของกิจการแผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง จนถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอี
... นอกจากนี้ บริษัทยังมีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตและใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันให้กับลูกค้าสินเชื่อ ลูกค้าเงินฝาก และลูกค้าทั่วไป อีกด้วย

ปัจจุบัน CREDIT ได้กลายมาเป็นแบงก์พาณิชย์เต็มตัว บริหารงานแบบมืออาชีพ ภายใต้ผู้บริหารมากความสามารถอย่างนายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)

 

ผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 6.37 พันล้านบาท และกำไร 1.37 พันล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 8.49 พันล้านบาท และกำไร 1.95 พันล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 11.05 พันล้านบาท และกำไร 2.35 พันล้านบาท
ปี 2566 งวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 9.78 พันล้านบาท และกำไร 2.81 พันล้านบาท
โดย CREDIT จะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ราวๆ 25% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง
และ ROE ราวๆ 21%

สัดส่วนรายได้ของ CREDIT มาจาก 4 ส่วนหลักด้วยกัน คือ 
1. ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้  สัดส่วนรายได้ 96.8% 
2. รายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน สัดส่วนรายได้ 2.1%
3. ธุรกิจการให้เช่าซื้อ สัดส่วนรายได้ 0.8%
4. เงินลงทุนในตราสารหนี้ สัดส่วนรายได้ 0.3%

 

คาดว่าการระดมทุนครั้งนี้ CREDIT น่าจะได้เงินประมาณ 1.72 - 1.79 พันล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน 2 ข้อใหญ่ๆด้วยกัน คือ 
1. เงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ 863 - 895 ล้านบาท
2. ปรับปรุงระบบสารสรเทศของบริษํท 863 - 895 ล้านบาท

 

นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยเครดิต เป็นธนาคารที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเติบโตเฉลี่ยใน 5 ปีย้อนหลังประมาณ 30% ต่อปี โดยธนาคารโฟกัสที่ลูกค้าในกลุ่มฐานราก SME ที่มีรายได้เป็นรายวัน เข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน ทั้งในกลุ่มแม่ค้า พ่อค้า ตามตลาด

โดยปัจจุบันธนาคารได้ให้บริการครอบคลุมตลาดประมาณ 4 พันแห่ง จากทั่วประเทศประมาณ 1 หมื่นแห่ง จุดเด่นธนาคารไทยเครดิต ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มี NIM (Net Interest Margin) สูงสุดในอุตสาหกรรม มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และอัตราการเติบโตของสินเชื่อสูงสุดในอุตสาหกรรม

 

นายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยในงาน IPO Public Roadshow ของธนาคารไทยเครดิต เมื่อ 22 มกราคม 2567
โดยระบุว่า ปัจจุบันธนาคารเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคาร และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของธนาคาร กำหนดช่วงราคาขายเบื้องต้นที่ 28.00-29.00 บาทต่อหุ้น
และยังบอกอีกด้วยว่า ขณะนี้ CREDIT มีนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนธนาคารฯ รูปแบบผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors รวม 6 ราย มูลค่ารวมไม่เกิน 140.35 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย คิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด

ขณะเดียวกันการคำนวณราคา IPO ของหุ้น รอบนี้ ประเมินจาก P/E เฉลี่ยที่ 2 เท่าถือว่า เป็นราคาเหมาะสมอยู่ระดับปานกลาง คือ ราคาต่ำกว่า นอนแบงก์ มี P/E เฉลี่ยที่ 2.3-3 เท่าและสูงกว่า ธนาคารพาณิชย์ เล็กน้อย เฉลี่ยที่ 1.8 เท่า ซึ่งเราเป็นธนาคารที่มีความมั่นคงเหมือนธนาคารพาณิชย์ แต่สร้าการเติบโตคล้ายกับนอนแบงก์ ธนาคารยังคงวางเป้าหมาย3-5 ปีข้างหน้าเติบโตเท่าตัว


เชื่อว่าการเข้ามาของ CREDIT จะต้องเป็นอีกหนึ่งหุ้น IPO 
ที่นักลงทุนต้องจับตามองกันเป็นอย่างมากครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมูล Filling : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ไทยรัฐออนไลน์

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง