เราปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2567 เต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยง
ที่ทำให้สินทรัพย์มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจระดับโลก ที่เราจะต้องเจอประกอบไปด้วย 3 เรื่องใหญ่ด้วยกัน คือ
1. เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง (แต่ก็ยังแข็งแกร่ง)
2. แนวโน้มของการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก
3. การเลือกตั้งในหลายประเทศ และความขัดแย้งในอีกหลายประเทศ
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ในปี 2567 เราจะมีกลยุทธ์การลงทุน
หรือวาง Asset Allocation อย่างไรดี ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร มีมุมมองการลงทุน 4 หัวข้อใหญ่ๆด้วยกัน คือ
1. ตราสารหนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
ตราสารหนี้ทั่วโลกมีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุด และกำลังเข้าสู่สภาวะขาลง จะทำให้อัตราผลตอบแทนโดยรวมของตราสารหนี้น่าสนใจ
2. หุ้นมีความน่าสนใจ
ถึงแม้จะปรับตัวขึ้นมามาก แต่กำไรหุ้นทั่วโลกยังเติบโต
ทำให้ภาพรวม Valuation ไม่แพง
3. ตลาดหุ้นเกิดใหม่มีความน่าสนใจ
เพราะผลตอบแทนของตลาดหุ้นเกิดใหม่มีความน่าสนใจ กว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
4. ตลาดหุ้นไทย
ในระยะสั้นฝ่ายวิจัย มองว่ามี Upside มากกว่า Downside พอสมควร
เพราะปัจจัยลบสะท้อนไปมากเกินไป
อีกทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐก็มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ Digital Wallet
จากเหตุผลที่กล่าวมา บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร
จึงแบ่ง Asset Allocation ออกเป็น 3 มิติด้วยกัน คือ
1. เพิ่ม Fixed Income
โดยเฉพาะตราสารที่มีคุณภาพ และ Yield ที่สูง ช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยง
2. กระจายการลงทุนใน Real Asset
เพราะลดความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ
3. เน้นเลือกหุ้นคุณภาพ
เพื่อสู้กับภาวะดอกเบี้ย เพราะหุ้นเหล่านี้มีความทนทานและยืดหยุ่นได้สภาวะเศรษฐกิจ
และสร้างผลตอบแทนทบต้นให้กับพอร์ตได้ในระยะยาว
สุดท้าย บทวิเคราะห์ยังเน้นย้ำอีกด้วยว่า การลงทุนต่างประเทศ ยังคงมีความน่าสนใจ
เพราะระยะยาว มูลค่าของสินทรัพย์ที่ถือมีความสำคัญต่อผลตอบแทนการลงทุนมากกว่าค่าเงินที่แกว่งขึ้นลง