เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็วมาก จนปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 116 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้ว
ยิ่งช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ยิ่งกระตุ้นให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ
หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมาให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนมากขึ้น และมีธุรกิจหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการขนส่งทางอากาศ และการควบคุมต้นทุนด้วย
นั่นก็คือ ธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน Cargo General Sales Agent หรือที่เรียกว่า "GSA"
รู้หรือไม่ว่า เร็วๆนี้ตลาดหลักทรัพย์ของไทย กำลังมีหุ้นน้องใหม่ที่อยู่ในสายธุรกิจนี้เข้ามาให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของกัน
ซึ่ง IPO น้องใหม่ดังกล่าว มีชื่อว่า ANI หรือ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจ GSA ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และจีนและยังเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายแรกและรายเดียวที่เข้ามาซื้อขายจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
คำถาม คือ ANI มีความน่าสนใจมากแค่ไหน ?
ANI ไม่ใช่บริษัทหน้าใหม่ แต่เป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่ม III หรือ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่ครอบคลุมการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางทะเลและทางบก และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานการขนส่งตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Supply Chain Management)
โดย ANI เป็น Holding Company ซึ่งถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo General Sales Agent: Cargo GSA) ของกลุ่ม III ทั้งหมด
ANI ประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน หรือ GSA ให้แก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบินใน 8 ประเทศ และเขตบริหารพิเศษทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งได้แก่
ประเทศไทย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเวียดนาม เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศมาเลเซีย ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ครอบคลุมเส้นทางการบินซึ่งมีปลายทางกว่า 400 แห่งในทุกภูมิภาคทั่วโลก
บริษัทฯ เข้าทำสัญญาการให้บริการ GSA แต่เพียงผู้เดียว ในแต่ละประเทศกับสายการบินในเส้นทางที่ออกจากประเทศที่ระบุไว้ในสัญญาให้บริการกับสายการบิน เพื่อดำเนินการด้านการตลาดและขายระวางสินค้าของสายการบินในเส้นทางขาออก จากประเทศต้นทางที่บริษัทฯ ประกอบธุรกิจอยู่ไปยังปลายทางซึ่งตามแต่ละสายการบินมีการให้บริการ
โดยการดำเนินการต่างๆ ของบริษัทฯ รวมไปถึงการขาย การทำการตลาด การจองระวางสินค้า การประสานงานด้านต่างๆ รวมไปถึงให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประกอบธุรกิจให้บริการอื่นโดยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจจัดหาทรัพยากรบุคลากร รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการแก่ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน ของท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ประเทศสิงคโปร์
โครงสร้างรายได้ของ ANI ในปี 2565 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1.รายได้จากธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้า
แบ่งออกเป็น ประเทศไทย สัดส่วน 15% ต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง จีน เวียดนามและกัมพูชา สัดส่วน 84.1%
2. รายได้จากธุรกิจอื่น เช่น จัดหาทรัพยากรบุคคล ยานพาหนะ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง สัดส่วน 0.9%
จะเห็นได้ว่าโครงสร้างรายได้หลักกว่า 98% มาจากธุรกิจ GSA เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
ผลประกอบการของ ANI ที่ผ่านมา พบว่า
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 4.84 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 548.5 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 7.79 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 861.9 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 7.74 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 815.5 ล้านบาท
ปี 2565 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 5.95 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 618.8 ล้านบาท
ปี 2566 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 4.03 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 670.2 ล้านบาท
โดยบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ สูงถึง 16% เลยทีเดียว
จากข้อมูล Filling รายงานว่า ANI จะมีราคาเสนอขายที่ 5.25 บาทต่อหุ้น โดยมีราคาพาร์ที่ 0.5 บาท
ถ้าเราใช้ข้อมูลของ 12 เดือนย้อนหลัง จะพบว่า บริษัทมี EPS อยู่ที่ 0.47 บาทต่อหุ้น
คิดเป็นค่า P/E Ratio อยู่ที่ 11.9 เท่า
และถ้าเราเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีธุรกิจใกลเคียงกัน เช่น III, LEO และ WICE จะมีค่า P/E เฉลี่ย อยู่ที่ 13.7 เท่า
ดังนั้น การที่ ANI มี P/E ที่ 11.9 เท่า ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล
ยิ่งไปกว่านั้น การเสนอขายครั้งนี้คาดว่า ANI จะได้เงินมาประมาณ 2,135.9 – 2,785.1 ล้านบาท และบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน ดังนี้
1. ใช้ชำระเงินเจ้าหนี้ค่าหุ้นค้างจ่ายจากการซื้อธุรกิจ GSA ในต่างประเทศ 2,135.9 – 2,785.1 ล้านบาท
2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ประมาณ 500 ล้านบาท
ANI มีแผนในการสร้างการเติบโตที่ชัดเจนผ่านการขยายเส้นทางให้บริการแก่สายการบินที่ให้บริการอยู่ ณ ปัจจุบัน และขยายการให้บริการไปยังสายการบินใหม่ รวมถึงขยายเส้นทางการบินไปยังเส้นทางใหม่อีกด้วย
ถือเป็นอีกบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่น่าจับตามองอย่างมากทีเดียว ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมูล Filling : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์