ผู้บริหารคงเป้าหมายบริษัทสําหรับการเติบโตของรายได้จากบริการหลักสําหรับปี 2023 ที่ 3-5% YoY (+2.3% YoY สําหรับงวด 9 เดือน) หนุนจากธุรกิจบริการมือถือและบรอดแบนด์คาดว่าAIS จะสูญเสียลูกค้ากลุ่มบริการมือถือในอัตราที่ชะลอลงขณะที่คาดว่ารายได้เฉลี่ย ต่อเลขหมาย (ARPU) จะปรับดีขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ไตรมาส 4/23 (เริ่มเห็นสถานการณ์ที่ปรับดีขึ้นแล้วในเดือนต.ค. 2023)
ADVANC เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี จ่ายเงินป้นผลอย่างสม่ำเสมอที่อัตราราว 3-4%
เป็นหนึ่งในหุ้น Blue chip ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี ESG หุ้นไทยปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AAA
ธุรกรรมซื้อและขาย TTTBB และ JASIF ระหว่าง JAS และ ADVANC เสร็จสมบูรณ์แล้วด้วยมูลค่าปรับปรุงที่ 2.837 หมื่นลบ. (3.242 หมื่นลบ.ก่อนหน้านี้)
ทั้งนี้มูลค่าธุรกรรมซื้อหุ้นและหน่วยลงทุน มีการปรับจากมูลค่า ดังนี้
- ปรับลดจากผลกระทบเชิงลบที่มีนัยสำคัญ (Material Adverse Change: MAC) จำนวน 3,000 ล้านบาท ออกจากมูลค่าธุรกรรมซื้อหุ้น TTTBB 19,500 ล้านบาท จากการประเมินสถานะของธุรกิจ (Due Diligence) เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป และผลการดำเนินงานของ TTTBB ที่ได้รับผลกระทบจากการ แข่งขันในธุรกิจบรอดแบนด์
- หักเงินปันผลที่บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ได้รับจาก JASIF หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ธุรกรรมซื้อหุ้นและหน่วยลงทุนเสร็จสมบูรณ์ จำนวน 1,049 ล้านบาท ออกจากมูลค่าธุรกรรมซื้อหน่วยลงทุน JASIF12,920 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้เปิดเผยไว้ในสารสนเทศรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565
ผู้บริหารคาดว่าดีล 3BB จะช่วยกระตุ้นการสร้างกระแสเงินสดได้ภายใน 12-18 เดือนหลังควบรวมแต่ยังไม่คิดว่าจะเป็นตัวกระตุ้นกําไรในระยะสั้นและกลางเพราะดีลนี้มีค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดจํานวนมากส่วนใหญ่คือรายการทางบัญชีด้านค่าเช่าทั้งนี้คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/23 ถึงครึ่งแรกปี 2024 คาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและอื่นๆที่ไม่ใช่รายการเงินสดจะฉุดกําไรของ ADVANC ลงในช่วงแรกแต่ท้ายที่สุดดีลนี้จะเป็นคุณภายในปีที่3หลังควบรวมเพราะจะช่วยหนุนให้มีประสิทธิภาพในการดําเนินงานดีขึ้นและหนุนให้มีเครดิตที่ดีขึ้น
สรุปผลประกอบการไตรมาส3/23
- กําไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท(+35%YoY, +14% QoQ) หากไม่รวมกําไรจากการขายหุ้น33%ในRabbit LINE Payคิดเป็นเงินจํานวน 434 ล้านบาทกําไรปกติจะอยู่ที่ราว 7.6 พันล้านบาท(+21% YoY, +6% QoQ)กําไรปกติที่โตขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่ลดลงโดยเฉพาะSG&A และD&Aที่ลดลง
- ยอดขายไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท(ทรงตัวYoY, +3%QoQ)ยอดขายที่ทรงตัวYoYเป็นผลจากรายได้ธุรกิจบรอดแบนด์ที่สูงขึ้นนั้นถูกหักลบโดยยอดขายมือถือที่ลดลง (iPhone15 เปิดตัว 1 สัปดาห์ให้หลังเมื่อเทียบกับiPhone14 ที่เปิดตัวเดือน ก.ย. 2022)
- ADVANC ปิดไตรมาสด้วยจํานวนลูกค้าบริการมือถือที่ 44.4 ล้านบาท(-1.2mYoY, -866kQoQ) และARPUจากบริการมือถือโดยรวมอยู่ที่ 216 บาท(+1.8% YoY, +1.2%QoQ)แม้AISจะสูญเสียลูกค้าไปจํานวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเติมเงินแต่ ARPU ที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยช่วยให้รายได้ธุรกิจบริการมือถือยังทรงตัวได้ชี้เป็นนัยว่าลูกค้าที่เสียไปส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยทํากําไร
- EBITDA margin ในไตรมาส 3/23 ขยายตัวขึ้น2.6ppts YoYแต่ลดลง-0.8ppts QoQ เป็น 50.5% บริษัทมี SG&A ที่ลดลงแรงหลังจากลดค่าใช้จ่ายการตลาดลง (SG&A ต่อยอดขายไตรมาส 3/23 ที่10.8% ไตรมาส 2/23 ที่11.0% และไตรมาส 3/23 ที่ 12.3%) ผู้บริหารคาดว่าค่าใช้จ่ายการตลาดจะปรับเพิ่มอีกครั้งแต่ไม่มากเหมือนก่อน (ค่าเฉลี่ย SG&A ต่อยอดขายกรอบ3ปีอยู่ที่ 12.0%)
อ้างอิง settrade, ryt9, Pi Research, KSecurities