#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#แนวคิดด้านการลงทุน
#มือใหม่เริ่มลงทุน

สูตรลับ Current Ratio สิ่งที่จะทำให้เรารู้ว่าบริษัทกำลังมีปัญหา

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,443 views

คำถามที่นักลงทุนถามกันมามากที่สุด 
คือ พอจะมีวิธีบ้างไหม ที่จะทำให้เรารู้ว่าบริษัทกำลังจะมีปัญหา
เอาจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีวิธีหรือสูตรทางคณิตศาสตร์ที่บอกได้ 100%

 

แต่เราสามารถ "กรองหุ้น" และหลีกเลี่ยงจากการใช้อัตราส่วนตัวเลขบางตัวเพื่อดูว่าบริษัทมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือไม่
เพราะถ้าบริษัทมีปัญหาสภาพคล่อง อาจจะทำให้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจอื่นๆตามมา ...
ดังนั้น เวลาเราจะดูว่าบริษัทมีปัญหาสภาพคล่องหรือไม่ เราจะใช้วิธีดูจากอัตราส่วนที่เรียกว่า Current Ratio

Current Ratio หรือ อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน
เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นว่าเป็นอย่างไร
โดยการการเปรียบเทียบระหว่าง "สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset)" เทียบกับ "หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities)"

 

สูตรทางคณิตศาสตร์ คือ Current Asset / Current Liabilities
หรือสินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน

โดย สินทรัพย์หมุนเวียน คือสินทรัพย์ที่บริษัทสามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินสดได้ ภายในระยะเวลา 1 ปี เช่น เงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด, ลูกหนี้การค้า รวมถึงสินค้าคงเหลือ
ส่วน หนี้สินหมุนเวียน คือหนี้สินระยะสั้น ที่บริษัทจะต้องจ่ายคืน ภายในระยะเวลา 1 ปี

 

โดยตัวเลขที่ออกมา จะเป็นอัตราส่วน
ถ้า Current Ratio มากกว่า 1 แสดงว่า บริษัทมีสินทรัพย์เพียงพอ ที่จะชำระหนี้สินระยะสั้น และถือว่ามีสภาพคล่อง
แต่ถ้า Current Ratio น้อยกว่า 1 เท่า หมายความว่า บริษัทมีสินทรัพย์ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ระยะสั้น และมีโอกาสที่จะเจอกับปัญหาด้านสภาพคล่อง หรือการหมุนเงินมาใช้ทำธุรกิจไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ Current Ratio มันอยู่ตรงส่วนของ สินทรัพย์หมุนเวียน 
เพราะสินทรัพย์หมุนเวียน จะประกอบไปด้วย 5 อย่าง คือ 
1. เงินสด (Cash)
2. ลูกหนี้การค้า (Account Receivable)
3. สินค้าคงคลัง (Inventory)
4. รายการลงทุนระยะสั้นต่ำกว่า 1 ปี เช่น เงินฝาก ตั๋วรับเงิน (Short-Term Investment)
5. รายได้ค้างรับและค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า (Accrued Revenue & Prepaid Expenses)
โดยปัญหาจะอยู่ที่ "สินค้าคงคลัง"
หมายความว่า สินค้าบางอย่างของบริษัท ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นเงินสดได้ทันที
และการที่ Current Ratio มากกว่า 1 อาจจะหมายถึง สินค้าคงคลัง ที่เยอะเกินไป และไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินสดได้ทันที อาจจะด้วยเรื่องของความยุ่งยากในการขาย หรือเป็นสินค้าที่ตกรุ่นไปแล้ว
อีกทั้ง ยังต้องมีค่าเก็บรักษาอีกด้วย

 

ดังนั้น นักลงทุนที่ดู Current Ratio จะต้องดู Quick Ratio หรือ "อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว" ด้วย


โดยสูตรทางคณิตศาสตร์ คือ (สินทรัพย์หมุนเวียน - สินค้าคงเหลือ) / หนี้สินหมุนเวียน
พูดง่ายๆ คือ สินทรัพย์หมุนเวียน ที่ตัดสินค้าคงเหลือออกไป แล้วหารด้วยหนี้สินหมุนเวียน
ซึ่งเป็นวิธีที่อนุรักษ์นิยม และตัดปัญหาในเรื่องของสินค้าคงคลังออกไป


ถ้า Quick Ratio ออกมามากกว่า 1 ก็อาจจะบ่งบอกได้ว่า ต่อให้สินค้าคงเหลือของบริษัท ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เลย บริษัทจะยังสามารถรักษาสภาพคล่องในการทำธุรกิจได้ต่อไปในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า

 

อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะเข้าใจว่า ยิ่ง Current Ratio สูงๆ เป็นเรื่องที่ดี
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
เพราะการที่บริษัทมี Current Ratio สูงๆ อาจจะบ่งบอกว่า บริษัทบริหารเงินสดไม่มีประสิทธิภาพ 
เพราะบริษัทจำเป็นจะต้องนำเงินสดไปลงทุนเพิ่ม ซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายเงินปันผลออกมาให้กับผู้ถือหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทน ไม่ใช่การนำเงินสดเก็บไว้เฉยๆ ทำให้เสียโอกาสการลงทุน

 

ดังนั้น การที่ Current Ratio สูงๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปครับ 
แต่อย่างน้อย ถ้าต่ำกว่า 1 ก็อาจจะบอกได้ว่าบริษัทกำลังขาดสภาพคล่อง และเราจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้นครับ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง