นักลงทุนที่รู้สึกว่า ปี 2566 นี้  ผลประกอบการพอร์ตหุ้นไทยของเราทำไมมันย่ำแย่ขนาดนี้  

ก็ต้องบอกว่า ถ้าผลงานของเราเป็นไปตามดัชนี ...ปีนี้นับถึงกลางเดือนตุลาคม พอร์ตแย่ลงนั้น ไม่แปลกเลย เพราะตลาดหุ้นไทยปีนี้ underperformed ตลาดโลกมากๆ  YTD นับจากต้นปี SET -14 % 

นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ ร่วงลงมาย่ำแย่มาก และให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลกด้วยซ้ำ โดยตลาดหุ้นที่แย่รองลงมาคือ Hang Seng ฮ่องกง YTD -10.7% รองลงมาคือตลาดหุ้นจีน CSI300 YTD -5.5% ทั้งที่หุ้นจีน เจอกับวิกฤตอสังหาฯที่รุนแรงมาก กระหน่ำตามด้วยหุ้นกู้อสังหาฯผิดนัดชำระหนี้ และยังมีปัญหาในเชิง Geo-Politics อีกมากมาย แต่ตลาดหุ้นก็ยังไม่ลงหนักเท่าตลาดหุ้นไทย 

ไม่ต้องพูดถึงตลาดหุ้นที่ Perform ได้ดีในปีนี้ ยกตัวอย่างตลาดหุ้นหลักๆในทวีปเอเชียด้วยกัน เช่น  ตลาดหุ้นญี่ปุ่น +21.7% ตลาดหุ้นไต้หวัน +16.9% ตลาดหุ้นเกาหลี +7.4% ตลาดหุ้นอินเดีย +8.8% และ ตลาดหุ้นเวียดนาม +13.6%  เป็นต้น 

ถึงตรงนี้ ก็ไม่อยากให้นักลงทุนห่อเหี่ยวกันเกินไปกับตลาดหุ้นไทย SET Index 

ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวด้วยเหตุผลหลายข้อ

1. ดัชนีลงลึกเกินไป Underperform ตลาดหุ้นโลกเกือบ 10-30% ในปีนี้ 
2. ปีนี้ ต่างชาติขายหุ้นไทยไปมากกว่า 1.66 แสนล้านบาทเข้าไปแล้ว นี่ถือเป็นตัวเลขที่สูง ปีที่ขายหนักๆก็มักไม่ขายเกินกว่านี้เท่าไหร่แล้ว 
3. แบงก์ชาติของไทยส่งสัญญาณจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 
4. รัฐบาล...นโยบายที่เป็นโทษกับหุ้นบางกลุ่มก็รับแรงกระแทกเกินเบอร์กันแล้ว...นโยบายที่เป็นคุณกับหุ้นบางกลุ่ม กลับยังไม่ค่อยเห็นผลชัดเจน เมื่อแผนชัด เริ่มลงมืออัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบจริง น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว 
5. การท่องเที่ยวเข้าสู่ High Season กว่า 6 เดือนนับจากนี้ นี่จะเป็นอานิสงส์ที่รอคอย 
    

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนหลายคนก็ยังถามว่า แล้ว “เมื่อไหร่” ตลาดหุ้นไทย จะกลับตัวเข้าสู่ "ขาขึ้น" แบบจริงจังได้ซะที นี่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเสียโอกาสมาอย่างมหาศาลมากแล้ว  

ผมคิดว่า อย่างน้อยต้องเกิดปัจจัย 5 นี้ก่อน 

1. ดัชนีต้องผ่านการลงครั้งใหญ่ หรือ sideway ตกท้องช้าง มานาน
2. เม่า (นักลงทุนรายย่อย) ทนเบื่อไม่ได้ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนใหญ่ คัทลอส เอาเงินออก แล้วไป ท่องเที่ยว ตกปลา ดำน้ำ ดูปะการัง ฯลฯ รอวันกลับมาเมื่อเทรนด์กลับเป็นขาขึ้นชัดเจนก่อน 
3. ฝรั่ง (นักลงทุนต่างชาติ) ขายสุทธิออก เลือกตั้งก็แล้ว ตั้งนายกฯก็แล้ว แต่ก็ไม่นำพา กระทั่งเกิดการพลิกกลับ หยุดขาย แล้วเริ่มเข้ามาซื้อกลับ 
4. ข่าวร้ายในตลาดยังออกมา แต่ตลาดชาชิน หุ้นเริ่มจะไม่ลง เพราะมันลงมามากแล้ว 
5. ผู้กำหนดนโยบาย หยุดขึ้นดอกเบี้ย และตลาดต้องเชื่อว่าจะหยุดจริงๆ 
    

ทั้งนี้ ข้อ 1 และข้อ 2 ได้เกิดแล้ว 

ข้อ 3-5 ยังไม่เกิด และหากเกิดเมื่อไหร่ ตลาดหุ้นไทยจะพลิกตัวกลับเป็นขาขึ้น

อย่างไรก็ตาม อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล 

เพราะตลาดหุ้นคือการ bet กับความเชื่อและความศรัทธา โดยมีเงินจริงในกระเป๋าเราเป็นเดิมพันครับ