เร็ว ๆ นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังจะมีบริษัทแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่หลายคนคุ้นเคย เข้า IPO ให้นักลงทุนได้ร่วมเป็นเจ้าของ นั่นคือ บมจ. ยัสปาล หรือ JPC ซึ่งทำธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น และสินค้าไลฟ์สไตล์ รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายที่นอน เครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่มองหาบริษัทสัญชาติไทยที่มีเป้าหมายขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคแล้วล่ะก็ ยัสปาล กรุ๊ป อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ มาดูว่ามีข้อมูลอะไรบ้างที่ควรรู้ ก่อนลงทุนในหุ้น JPC
![](https://cdn.stock2morrow.com/images/mw0jr/1696319219646.jpg)
1. มีทั้งแบรนด์ที่เป็นเจ้าของเอง (In-House Brand) และได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย (Import Brand)
รู้หรือไม่ว่า นอกจากแบรนด์ JASPAL ที่เป็น In-House Brand ชื่อเดียวกับบริษัทฯ แล้ว JPC ยังได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์ระดับโลกในการนำสินค้ามาจัดจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ (Import Brand) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีสินค้าครอบคลุมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง เครื่องนอน และที่นอน ภายใต้ธุรกิจ 2 กลุ่ม คือ
- ธุรกิจสินค้าแฟชั่น มีอยู่ทั้งหมด 21 แบรนด์ แบ่งเป็น In-House Brand 10 แบรนด์ และ Import Brand 11 แบรนด์ โดยมีสินค้าหลากหลายมากกว่า 127,850 SKUs คิดเป็นสัดส่วน 85% ของรายได้จากการขาย (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
- ธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน: มีอยู่ทั้งหมด 6 แบรนด์ ประกอบด้วย In-House Brand 3 แบรนด์ และ Import Brand 3 แบรนด์ มีสินค้ารวมกว่า 20,900 SKUs คิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้จากการขาย (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
2. เป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าแฟชั่น
นับตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในปี 2490 สินค้าของ JPC ก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีทีม Designer รวมกว่า 129 คน และทีมจัดหาสินค้าและวางแผน 82 คน (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) จึงทำให้มีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน จนครองแชมป์เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย (Euromonitor International) ในช่วงปี 2563-2565
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 JPC มีสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา อีกทั้งมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยจากเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะเป็นผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ JPC เน้นสร้างการจดจำเอกลักษณ์ในระดับสากล ผ่านการใช้ซูเปอร์โมเดลและเซเลบริตี้ระดับโลกเป็นพรีเซนเตอร์ นอกจากนี้ แบรนด์ JASPAL ยังเป็นแบรนด์แรกในอาเซียนที่ทำ Brand Collaboration ร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลกในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นพิเศษอีกด้วย
3. ต่อยอดธุรกิจมุ่งสู่ผู้นำด้านแฟชั่นไลฟ์สไตล์
นอกจากการนำเสนอแบรนด์ใหม่ ๆ การขยายช่องทางจำหน่าย รวมถึงลงทุนด้านเทคโนโลยีและบุคลากร ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของการพัฒนาธุรกิจในยุคนี้แล้ว JPC ยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ ด้วยการต่อยอดจากแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน สู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางค์ ภายใต้แบรนด์ LYN BEAUTY และธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ และเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ C.P.S. COFFEE
ในอนาคต JPC ยังคงมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์เดิม (Brand Extension) และแบรนด์ใหม่ ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา In-House Brand และการนำเข้าแบรนด์อื่น ๆ ในรูปแบบ Import Brand ซึ่งการขยายสินค้าและบริการหลังจากนี้จะเน้นไปที่การตอบสนองไลฟ์สไตล์ประจำวันของผู้บริโภค เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า สนับสนุนการเติบโตของรายได้ และเดินไปสู่เป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะเป็นผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์นั่นเอง
4. มีความสามารถในการทำกำไรใกล้เคียงกับบริษัทระดับโลก
JPC อยู่ในธุรกิจมาอย่างยาวนาน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Supplier ทำให้บริษัทฯ เข้าใจโครงสร้างต้นทุนของสินค้าแต่ละประเภท รวมทั้งสามารถเจรจาต่อรอง ภายใต้การรักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้าในต้นทุนที่แข่งขันได้ ส่งผลให้ JPC มีอัตรากำไรขั้นต้น ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 50.80% ซึ่งใกล้เคียงกับบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นระดับโลกที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 50 – 50.5%
ในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลังของ JPC มีข้อมูล ดังนี้
ปี 2563 มีรายได้รวม 8,874 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 9,000 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้รวม 11,680 ล้านบาท
งวด 6 เดือน ปี 2565 มีรายได้รวม 5,547 ล้านบาท
งวด 6 เดือน ปี 2566 มีรายได้รวม 6,116 ล้านบาท
5. เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น
ปัจจุบัน JPC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้น JPC สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=537102