สำนักข่าว Arab News รายงานว่า นาย Ali Al-Naimi รัฐมนตรีด้านปิโตรเลียมและทรัพยากรแร่ธาตุแห่งซาอุดิอาระเบีย กล่าวในที่ประชุม IHS CERAWeek เมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกาว่า ซาอุดิอาระเบียไม่เคยประกาศสงครามกับ US Shale หรือกับประเทศ และบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ตรงกันข้ามกับข่าวลือสื่อทั้งหมด ซาอุดิอาระเบียกลับ "ต้อนรับ" แหล่งน้ำมันทุกแหล่งที่มีอยู่ รวมทั้ง Shale
Al-Naimi หวังว่าความคล่องตัวและความรวดเร็วในการเพิ่มกำลังผลิตของ US Shale จะยังดีต่อไป เพราะกำลังการผลิตจาก Shale จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการน้ำมันอย่างรวดเร็วเมื่อตลาดเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลและกำลังการผลิตเริ่มตึงตัว
สำหรับการประชุมร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศหลักใน OPEC อย่างซาอุดิอาระเบีย-อิหร่าน และ กลุ่ม Non-OPEC อย่างรัสเซียนั้น ข้อสรุปเรื่องการคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดือนมกราคม จะมีการเดินหน้าคุยกับประเทศอื่นๆในกลุ่มให้แล้วเสร็จทั้งหมดในต้นเดือนมีนาคม และ Al-Naimi มั่นใจว่าจะมีอีกหลายประเทศตอบรับเข้าร่วมการคงการผลิตครั้งนี้
การคงกำลังการผลิตรอบนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด หากซาอุดิอาระเบียสามารถที่จะโน้มน้าวให้ผู้ผลิตน้ำมันหลักของโลกตกลงกันไม่เพิ่มกำลังการผลิตได้ ปริมาณน้ำมันคงคลังรอบโลกจะค่อยๆลดลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม Al-Naimi กลับเตือนว่า ตลาดไม่ควรตีความการคงกำลังการผลิตในครั้งนี้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นสู่การ "ลด" กำลังการผลิต เหตุผลหลักคือ ความเชื่อถือได้ในการรักษาคำพูดของแต่ละประเทศในการร่วมมือกันยังไม่มากพอ
การลดการผลิตน้ำมันจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะจะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่รักษาคำพูดและทำตามข้อตกลง และแม้ว่าพวกเขาจะกล่าวว่าพร้อมลดกำลังการผลิต แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่ยอมลด Al-Naimi ทิ้งท้ายว่า มันไม่สมเหตุสมผลที่ซาอุดิอาระเบียจะเสียเวลาไปเรียกร้องการลดกำลังการผลิต มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก
การร่วมมือกันคงกำลังการผลิตเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้นของเรื่องราวความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน นอกเวทีการเจรจา จะพบว่าบริษัทผลิตและสำรวจน้ำมันรอบโลกได้ตัดงบการลงทุนสำรวจแหล่งใหม่และหยุดการผลิตในหลายแหล่งลงไปเป็นเงินมหาศาล
แรงกดดันของราคาน้ำมันต่ำทำให้บริษัทนำ้มันต้องใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการดึงน้ำมันขึ้นมาจากแหล่งเดิมให้มากที่สุด เพื่อรักษารายได้ไว้ ซึ่งตรงนี้จะทำให้การลดลงของการผลิตได้จากแหล่งต่อปี หรือ "Decline Rate" เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ เริ่มมีสัญญาณการหาแหล่งน้ำมันใหม่มาชดเชยกับแหล่งเก่าไม่ทันแล้ว วัดจาก "Reserve Replacement Ratio" ซึ่งเป็นอัตราส่วนวัดปริมาณแหล่งใหม่ที่หาได้เทียบกับการผลิตน้ำมันใช้ไปจากแหล่งเก่า ในปี 2015 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon Mobil กลับมี Reserve Replacement Ratio เหลือเพียง 67% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปีที่ตัวเลขอัตราส่วนนี้ต่ำกว่า 100%
หากดึงน้ำมันจากแหล่งเดิมมากขึ้น และไม่มีการสำรวจแหล่งใหม่ ในที่สุดฝั่งอุปทานรอบโลกจะลดลงมากกว่าที่คาด และราคาจะต้องฟื้นตัวได้ในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก Arab News
ขอบคุณภาพจาก Bloomberg
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown