#แนวคิดด้านการลงทุน

ทำตัวอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงหนัก

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
719 views

ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ลงจริงจังแบบหนักหน่วงทีเดียว วัดจากครึ่งปีแรก -10% เราเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในอาเซียน และติดท้อป 3 ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลกด้วย 

 

ดัชนีหลุดต่ำกว่า 1500 จุด ซึ่งถ้าเราตัดหุ้นที่เทรดที่ค่าพีอีสูง(73 เท่า)อย่าง DELTA ออกแล้ว อาจจะพบว่า SET index ที่แท้จริงอาจจะลงต่ำกว่า 1450 จุด แล้วก็ได้ ลองสังเกตราคาหุ้นใหญ่หลายตัว บางตัวราคาหุ้นลงหนักไปใกล้ระดับวิกฤตโควิดแล้ว 

 

ผมรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่หุ้นอื้อฉาวประจำปี “STARK” ประกาศงบการเงินออกมา เมื่อค่ำวันศุกร์ 16 มิ.ย. แล้วพบว่า งบเก่าที่เคยมีกำไร นั้นไม่จริง กลับขอแก้เป็นงบใหม่กลายเป็นขาดทุน(ปี 64)และขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ(ปี 65) คือ ความจริงที่ขื่นขม นักลงทุนรายย่อยในตลาดเสียความเชื่อมั่น สะท้อนมาที่วอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางเหลือเพียง 3.5 – 4.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน 

 

ตั้งแต่นั้นมา SET index ก็แสดงความเกรี้ยวกราด จนนักลงทุนตกใจ ทุกๆวัน จะต้องมีหุ้นที่ดวงแตกพ่าย โดนถล่มขายด้วยความเร็วสูง ติดลบไม่ใช่เบาๆ แต่หนักระดับ -8% ถึง -10% 

  • บางวัน DELTA ลบ 20% กดดัชนี -20 จุด 
  • บางวัน หุ้น IPO เข้าใหม่ ... คณะผู้บริหารถ่ายรูปยังไม่ทันลงจากเวที หุ้นก็ต่ำจองไปมากแล้ว 
  • บางวันก็มีหุ้นร้อน ลบ 3 ฟลอร์ 6 ฟลอร์ สลับๆกันกับครึ่งฟลอร์ เม่าไทยที่วิ่งตัดหน้าสิบล้อเก็บแบงค์ร้อย หนีไม่ทันกันเพียบ
  • และบางวัน ก็เวียนแตกพ่ายกันไปทีละตัว ติดลบหนักหน่วง ทั้งห้าง สื่อสาร ค้าปลีก กองรีท กองอินฟราฯ ไฟแนนซ์ อาหารสัตว์เลี้ยง โรงไฟฟ้า และหุ้นเล็กๆอื่นๆอีกมากมาย 

 

บางช่วง SET index ติดลบติดต่อกันถึง 8 วันทำการ  ลดลงไปสู่ระดับดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ! หมายความว่า พวกเราเหล่านักลงทุนรายย่อย ได้รับเกียรติขึ้นไทม์แมชชีน ไปสู่ระดับดัชนีพันสี่ร้อยกว่าจุด เทียบเท่าช่วงวิกฤตโควิด 2564 ด้วยกันละครับ

 

รู้สึกได้เลยว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น มีความกังวลต่อสารพัดปัจจัยลบ ทั้งการเมืองไทยที่ไร้ความชัดเจน ฟันโฟลว์ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ความตึงเครียด Geo Politics ระหว่างสหรัฐและจีน ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา และความเสี่ยงของการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในครึ่งปีหลัง ให้ตกใจปรับลงกันอีกรอบ
 

เอาเป็นว่า sentiment ตลาดช่วงครึ่งหลังเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฏาคม ไม่ดีเลย 
 

ตลาดหุ้นขาลงมีพลังทำลายล้างสูงเสมอ บางทีไม่ได้ทำให้ความมั่งคั่งลดลงอย่างเดียว แต่มันมาเอาความมั่นใจไป และลดทอนพลังการใช้ชีวิตของเราไปด้วย แต่ก็ยังอยากให้มองโลกในแง่ดีไว้ครับ ถ้าเราอยู่กับตลาดหุ้นมานาน ผ่านมาหลายวิกฤต เราจะพบความจริงว่า

 

1. ตลาดหุ้นลง ... ไม่ลงไปตลอด
ลงแบบซึม..ลงถึงจุดหนึ่งจะหยุด แล้วสร้างฐาน แล้วกะยึ้กกะยั้ก แล้วก็ขึ้น
ลงแบบกระแทก...ลงจากข่าวร้ายแบบ oversold มากๆ ถึงจุดหนึ่งก็จะเด้งขึ้นแบบแหลมๆ จะมากน้อยต้องมี 

 

2. เสพข่าวอย่างมีสติ
ช่วงนี้ ผมมั่นใจว่า พอหลุด 1600 จุด จะมีคนบอกว่าเจอกันที่ 1500 ... แล้วพอทายถูกก็จะบอกต่อว่าเจอกันที่ 1400 

ทีนี้พอทายถูก 2-3 ครั้ง ก็จะมองไปต่อที่ 1300 แล้วก็ 1200 จุด


ช่วงเวลาแบบนี้ ข่าวร้ายจะขายดี เหมือนตอนโควิด พอหลุด 1200 จุด พวกบอกว่าเจอกันที่ 1000 แล้วก็ 900 แล้วก็ 700
เป็นแนว วางบิด ยกบิดออก ถ้าเราเสพข่าวมากๆ เราจะไม่กล้าซื้อหุ้นในวิกฤตเลย แล้ววิกฤตก็จะผ่านไปโดยที่เราไม่ได้อะไรจากมันเลย ดังนั้นเสพข่าวอย่างมีสติครับ 

 

3. ดูหุ้นรายตัว ถ้าไม่ชัวร์ก็อยู่เฉยๆ
เศรษฐกิจดี ยังมีคนเจ๊ง ...เศรษฐกิจแย่ ยังมีคนรวย... ตลาดหุ้นก็เช่นกัน

Stock Selection หรือการเลือกหุ้นลงทุนรายตัวอย่างพิถีพิถัน เป็นเรื่องจำเป็นมากในตลาดขาลง นี่คือปัจจัยชี้ขาดว่าเราจะมีของดีที่พร้อมฟื้นตัวแรงได้หลังจากตลาดคลายความกังวลกระทั่งกลับสู่ขาขึ้นอีกครั้งหรือไม่ 

 

4. ไม่จำเป็น อย่ากู้เงินมาเล่น
Leverage DW TFEX แทงสวน ชอร์ตตลาด ฯลฯ
ถูกทางก็ดีไป ถ้าผิดทางนี่เจ็บมาก ... มีคนจำนวนไม่น้อย พอร์ตพัง จำต้องออกจากตลาดถาวรเพราะสิ่งนี้

 

5.  อย่าปล่อยให้วิกฤตผ่านไปเฉยๆ
โดยไม่ได้อาศัยสถานการณ์หุ้นแกรนด์เซลล์ สร้างโอกาส สร้างประโยชน์อะไรเลย
นาทีนี้ หาหุ้นลงทุนไม่ยากแล้ว  หาเงินสดมาเติมยังยากกว่า
 

หัวใจสำคัญของช่วงนี้ คือ เงินสด

1. ใครเงินสดเยอะ ถือข้ามรอบได้ ก็จงจั่วหุ้นดีราคาถูก เลือกเอาที่ชอบที่ชอบเถิด 

2. ใครเงินสดหมดแล้ว ติดหุ้นอยู่ ถ้ายังมีกำลังกายใจหลงเหลือ ก็ลองปรับพอร์ต ตัวupsideน้อย ไปหาตัว upsideมากๆ 

3. ใครไม่มีเงิน แถมไม่มีแรง ก็ใช้วิชาปิดจอ รอดูเฉยๆ ไปเถิด บรรยากาศดีขึ้นแล้ว ค่อยกลับเข้ามาใหม่ก็ได้

 

อยู่ให้รอดปลอดภัย ผ่านรอบนี้ไปให้ได้ครับ


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง