สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ธนาคารชั้นนำของโลกอย่าง HSBC Holdings ตัดสินใจยึดกรุงลอนดอนเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ต่อไป การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของ HSBC ถึงกรุงลอนดอนว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการเงินระดับนานาชาติอย่างแท้จริง
เมื่อเวลาการตัดสินใจว่าอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ "Brexit" ใกล้เข้ามา HSBC จะต้องเจอแรงกดดันในการประเมินความเสี่ยงถึงผลทางกฏหมาย ภาษี และความเสี่ยงอื่นๆที่จะกระทบธุรกิจของ HSBC หากอังกฤษตัดสินใจออกจากยุโรปจริง จะส่งผลกระทบต่องานหลายตำแหน่งใน HSBC และแรงงานอังกฤษเป็นจำนวนมาก
หากกรณีนี้เกิดขึ้น HSBC อาจจำเป็นต้องย้ายงานหลายตำแหน่งไปปารีสแทน อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาผลทาง ด้านกฏหมายหาก HSBC ย้ายออกจากลอนดอน เทียบกับการไม่ย้ายออกแล้ว ผู้บริหารตัดสินใจที่จะอยู่ในกรุงลอนดอนต่อไป ซึ่งจะเสริมกับกลยุทธ์ของ HSBC ที่เน้นตลาดเอเชียเป็นหลัก โดยใช้ฐานอยู่ในศูนย์กลางการเงินระดับโลกอย่างลอนดอน
ธนาคาร HSBC มีความสำคัญกับวงการการเงินในอังกฤษไม่น้อย เพราะสามารถสร้างงานในอังกฤษได้กว่า 4.5 หมื่นคน รวมถึงสร้างรายได้จากภาษีให้กับรัฐบาลได้มหาศาล การย้ายออกของ HSBC จะมีปัญหาต่อแรงงานตามมา และอาจทำให้ลอนดอนสูญเสียธนาคารอื่นๆไปด้วยได้
รัฐบาลอังกฤษได้พยายามรักษา HSBC ไว้ โดยลดความเข้มงวดในกฏหมายควบคุมสถาบันการเงินและปรับลดเงินค่าปรับลง ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่รัฐบาลใช้ควบคุมสถาบันการเงินมาตลอดหลังเกิดวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ปี 2008
ผลการตัดสินใจของ HSBC ในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงความเชื่อมั่นต่อแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลอังกฤษ และเชื่อว่าการมีศูนย์กลางอยู่ที่ลอนดอนจะทำให้ HSBC ขยายธุรกิจกับเศรษฐกิจอันดับสองของโลกอย่างจีน และประเทศอื่นๆในเอเชียได้
เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจีนได้เข้าพบรัฐบาลอังกฤษเพื่อเพิ่มความร่วมมือกันด้านการค้า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานนิวเคลียร์ในอังกฤษ ปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้จีนถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับแรกๆของอังกฤษ การยึดกรุงลอนดอนไว้เป็นที่มั่นของ HSBC น่าจะสร้างทั้งความเชื่อถือเรื่องความเป็นธนาคารระดับนานาชาติ และยังสามารถใช้อังกฤษเปิดประตูการค้ากับจีนมากยิ่งขึ้นต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP และ Bloomberg
ขอบคุณภาพจาก fosterandpartners.com
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown