เวลาเราพูดถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์
นักลงทุนหลายคนอาจจะนึกว่า เป็นหุ้นที่ให้ Valuation สูงมากไม่ได้
เพราะด้วยตัวธุรกิจมีความอ่อนไหวกับตัวเศรษฐกิจ
ดังนั้น ตำรานักลงทุนมักจะบอกว่า หุ้น P/E 10 เท่า คือหุ้นไม่แพง
แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ หุ้น P/E 10 เท่า ถือว่าค่อนข้างแพงไปแล้ว
แต่คงไม่ใช่สำหรับ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S
ที่มีศักยภาพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู (Ultra Luxury) ที่ไม่ค่อยจะอ่อนไหวกับเศรษฐกิจมากนัก
และยังมีธุรกิจหลักที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมระดับบนตามแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก สำนักงานให้เช่า นิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า
จริงๆแล้ว S ไม่ใช่หุ้นน้องใหม่ แต่เป็นหุ้นที่ Back Door Listing มาจาก RASA ในปี 2557 จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว และพัฒนามาเป็นธุรกิจโรงแรม สำนักงานให้เช่า และนิคมอุตสาหกรรม
คำถาม คือ ความน่าสนใจของ S อยู่ตรงไหน ?
คำตอบ คือ ศักยภาพที่มากพอจะเติบโตในอนาคต
นำโดยธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์
เสริมด้วยรายได้ประจำอย่าง ธุรกิจสำนักงานให้เช่า
อีกทั้งยังมีประเด็น New S Curved ครั้งใหม่จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่กำลังจะเริ่ม COD
สัดส่วนรายได้ของ S แบ่งออกเป็น
ธุรกิจโรงแรม สัดส่วนรายได้ 76%
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วนรายได้ 13%
ธุรกิจสำนักงานให้เช่า สัดส่วนรายได้ 8%
ผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 3.40 พันล้านบาท
และกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท
... หนุนจากธุรกิจโรงแรมที่เติบโตสูงมาก นำโดยโรงแรมในไทยและสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่างมัลดีฟส์
... ธุรกิจสำนักงานให้เช่า อัตราการเช่าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 83% (จากเดิม 80%)
... ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เริ่มเห็นรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- NCAP เสริมกำลังกับ Mambu เปิดตัวสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถบรรทุก ในเวลาเพียง 4 เดือน
- SJWD ประกาศแผนรุกใหญ่ขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค
- “WICE” มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องรับไฮซีซั่น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทรีนิตี้ วิเคราะห์ว่า ไตรมาส 2 ปี 2566 ผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง
ถึงแม้ธุรกิจโรงแรมจะอยู่ในช่วง Low Season แต่จะได้แรงหนุนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากโครงการ Santiburi และโครงการ Siranin ที่มียอด Backlog อยู่ 1.76 พันล้านบาท
บทวิเคราะห์ คาดว่าในปี 2566 รายได้จะอยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านบาท
และกำไรสุทธิ 1.25 พันล้านบาท
เติบโตดีกว่าปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 489 ล้านบาท
จากธุรกิจโรงแรมที่เติบโต ธุรกิจบ้านแนวราบระดับบนที่เริ่มรับรู้รายได้
หนุนโดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่เติบโตโดดเด่น
ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเห็นการ COD ในช่วงไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้
เมื่อไม่นานมานี้ S ได้เข้าถือหุ้นโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 จากเดิมที่ถือหุ้น 51% ส่งผลให้ S สามารถรับรู้รายได้ได้เต็มจํานวน
โดยปัจจุบันมียอด Inventory อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ที่พร้อมรับรู้เป็นรายได้เมื่อทําการขาย
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทรีนิตี้
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย