แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่ช่วงชะลอตัว และรัฐบาลจะพยายามชะลอความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2013 แต่มีเมืองหนึ่งที่ราคายังพุ่งสูงขึ้นสวนทางเมืองอื่น
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า หลังจากที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวและเริ่มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในหลายเมือง แต่ราคาในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นเมืองทางทะเลใต้ของจีนใกล้กับฮ่องกง กลับเพิ่มได้มากกว่า 46% ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2015 การเติบโตนี้ดีที่สุดในทุกเมืองขนาดใหญ่ของจีน
หากเปรียบเทียบกับเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง หรือเมืองศูนย์กลางการเงินแห่งตะวันออกอย่างเซี่ยงไฮ้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเซินเจิ้นพุ่งสูงกว่าเห็นได้ชัด โดยราคาในปักกิ่งเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่เซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นได้ 16%
สาเหตุที่ราคาขึ้นเห็นได้ชัดอาจมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ปริมาณที่ดินที่มีจำกัด และการที่รัฐบาลจีนผ่อนข้อจำกัดการซื้อที่ดินลง
จีนกำลังดำเนินตามแผน "Made in China 2025" เพิ่มเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมของประเทศ ต้องการเพิ่มจำนวนคนชั้นกลางในจีนให้เป็น 850 ล้านคนในปี 2025 และกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอุตสาหกรรม high-tech ในปี 2049 โดยเทคโนโลยีที่กำลังให้ความสำคัญได้แก่ Internet of Things และ Robotics
ปี 2014 เซินเจิ้นมี GDP per capita โต 10.6% ในขณะที่ฮ่องกงโตได้ 4.8% ด้วยการเติบโตอัตราเท่านี้ เซินเจิ้นจะเติบโตมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าฮ่องกงได้ในอีกไม่ถึง 10 ปี
การเติบโตของเมืองเซินเจิ้นมาจากอุตสาหกรรมที่สำคัญเชิงกลยุทธ์ 6 อุตสาหกรรมได้แก่ - ไบโอเทคโนโลยี, เทคโนโลยีสารสนเทศ, พลังงานใหม่, วัสดุใหม่, เทเลคอม และ อุตสาหกรรมด้านวัฒนธรรมและนวัตกรรมเชิงความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ เซินเจิ้นยังใช้งบประมาณกว่า 4% ของ GDP ของเมืองลงทุนไปกับการวิจัยและพัฒนา ในขณะที่ฮ่องกงใช้งบประมาณน้อยกว่า 1% ของ GDP เท่านั้น
แม้ในช่วงเวลาปัจจุบันราคาอสังหาริมทรัพย์ในเกาะข้างเคียงอย่างฮ่องกงกำลังร่วงลงอย่างรวดเร็ว แต่เซินเจิ้นกลับกลายเป็นเมืองที่อสังหาริมทรัพย์แพงกว่าฮ่องกงไปแล้ว และกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีราคาสูงที่สุดในโลก
อนาคตที่ค่อนข้างชัดว่าเซินเจิ้นจะกลายเป็น Silicon Valley ของจีน ทำให้ราคาบ้านในเซินเจิ้นขึ้นสูงประมาณ 20 เท่าของรายได้เฉลี่ยจีนปี 2014 และขึ้นไปสูงเกือบ 30 เท่าแล้วในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก The Real Deal และ China Daily
ขอบคุณภาพจาก shenzhenbusinessguide.com
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown