บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR วางกลยุทธ์เร่งขยายตลาดถุงยางอนามัยในประเทศจีนและอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดมีศักยภาพสูง และเตรียมรับรู้รายได้จากออเดอร์งานประมูลที่ส่งมอบในช่วงก่อนหน้านี้ ดันผลงานไตรมาส 2 กลับมาเติบโต
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยภาพผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (มกราคม-มีนาคม) ตามงบการเงินรวม มีรายได้จากการขายและบริการรวม 492.4 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 518.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.3 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) มีคำสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าได้ตามแผน ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของแผนการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีออเดอร์จากธุรกิจงานประมูลจำนวนมากกว่า 70 ล้านชิ้น ที่ส่งมอบในช่วงที่ผ่านมาและจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป ซึ่งจะส่งผลดีภาพรวมผลการดำเนินงาน บริษัทฯ วางเป้าหมายกลับมาเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจงานประมูล กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตและกลุ่มธุรกิจภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัทฯ
โดยวางแผนจะเข้าไปทำการตลาดในประเทศจีนอย่างเต็มที่หลังจากที่รัฐบาลจีนเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 โดยวางแผนแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าเพิ่มอีก 1-2 ราย เพื่อเพิ่มความสามารถในการกระจายสินค้าได้อย่างครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น โดยประมาณการมูลค่าตลาดถุงยางอนามัยของจีนสูงถึง 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
รวมถึงจะนำถุงยางอนามัยรุกขยายตลาดในอเมริกาเพื่อบุกตลาดห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่ากลุ่มธุรกิจงานประมูลจะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากการทยอยส่งมอบออเดอร์ลูกค้าต่างชาติ
นอกจากนี้คาดว่าภาพรวมความต้องการใช้ถุงยางอนามัยในปีนี้ จะได้รับปัจจัยบวกจากการคลายความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก ส่งผลให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและเดินทางท่องเที่ยวตามปกติ