กลุ่มทุนปักกิ่งทุ่ม 6 หมื่นล้านเข้าซื้อเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าขยะจากเยอรมัน ประเทศจีนกำลังเร่งแก้ปัญหาจากขยะปริมาณมหาศาล ซึ่งต้องการการบริหารจัดการที่ดีมากกว่าการฝังกลับ เพราะจะเกิดปัญหามลพิษเจือปนในน้ำบาดาลตามมาได้
ศักยภาพของตลาดบริการจัดการขยะในจีนมีสูงมาก เพราะฐานประชากรที่มีกว่า 1.3 พันล้านคน รายได้ชนชั้นกลางที่สูงขึ้นซึ่งสนับสนุนโดยนโยบายขจัดความยากจนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และการเปลี่ยนเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างจากภาคการผลิตไปเป็นการบริโภคและการบริการสมัยใหม่
บริษัทจีนซึ่งมีความรู้ ประสบการณ์ และความทันสมัยของเทคโนโลยีด้านการเผาขยะเป็นพลังงานไฟฟ้ายังถือว่ามีน้อย จึงใช้กลยุทธ์เข้าซื้อบริษัทชั้นนำในประเทศพัฒนาแล้วอย่างในยุโรปเป็นหลัก ทำให้ความเคลื่อนไหวของดีล M&A ในด้านนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับดีลล่าสุดที่กำลังจะเกิด สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าบริษัท Beijing Enterprises Group กลุ่มทุนปักกิ่งที่ควบคุมโดยรัฐบาล ชนะการประมูลเพื่อเข้าซื้อบริษัทโรงไฟฟ้าขยะชั้นนำของเยอรมันชื่อ EEW Energy from Waste (EEW) ด้วยมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขปี 2014 บอกว่า EEW บริหารโรงไฟฟ้าขยะกว่า 19 แห่ง สร้างรายได้กว่าปีละ 2.15 หมื่นล้านบาท (540 ล้านยูโร) ด้วยกำลังการเผาขยะปีละกว่า 4.9 ล้านเมตริกตัน สามารถผลิตไฟฟ้ากว่า 19 กิกะวัตต์ชั่วโมงและความร้อนกว่า 3,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง
หากจีนสามารถใช้ประโยชน์จากขยะโดยนำมาสร้างพลังงานแทนการฝังกลบ ก็จะช่วยลดปริมาณถ่านหินที่ต้องใช้ลงได้มากกว่าปีละ 50-60 ล้านตัน ซึ่งจีนมีปัญหาเรื่องมลพิษมากมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน
โรงไฟฟ้าเผาขยะในจีนมีกำลังการเผาขยะเติบโตได้ก้าวกระโดด โดยในปีกลางปี 2014 มีโรงไฟฟ้าขยะ 174 โรง ด้วยกำลังการเผา 166,000 ตัน แต่ปลายปี 2015 กลับเพิ่มจำนวนถึง 300 โรง พร้อมกับกำลังการเผาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 300,000 ตัน ใช้เวลาเติบโตเกือบ 100% ในเวลาเพียง 1 ปี
M&A ระลอกใหญ่จากเมืองจีนในด้านการควบคุมมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นเรื่อยมา การเข้าซื้อนี้จะทำให้จีนได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากกว่าจากประเทศพัฒนาแล้ว ได้ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นให้กับบริษัทจีนที่เป็นผู้ซื้อได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก China Daily และ WSJ
ขอบคุณภาพจาก shutterstock
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown