#แนวคิดด้านการลงทุน

หุ้นทุกตัวมีช่วงเวลาของมัน

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
1,467 views

จากประสบการณ์ลงทุนมากว่า 20 ปี ผมพอจะสรุปได้ว่า “หุ้นทุกตัวมีช่วงเวลาของมัน” 
 

กรณีที่ 1 บริษัท A กำลังรุ่ง ทำอะไรก็ดูดีไปหมด ... แต่อาจไม่ใช่การลงทุนที่ดี 

มีบางช่วงเวลา ที่หุ้น A outperform ดีเหนือตลาดมากๆ ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นติดต่อกันมา 2-3 ปี นักลงทุนกลุ่มใหญ่มักคิดว่าบริษัทนี้ มีคุณสมบัติดีเยี่ยมในด้านต่างๆ แถมยังมีความสามารถพิเศษ ที่คู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบได้ ธุรกิจมีคูเมือง(Moat)ป้องกันคู่แข่งที่เข้มแข็ง ผู้บริหารเก่งเป็นพิเศษเหนือธรรมดา มีความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่ยั่งยืน และกลยุทธ์การตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งอีกมากมาย 
 

ในฐานะนักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐาน เราอาจจะยังลังเลสงสัยว่าเราคิดไปเองหรือไม่ เราจึงลงพื้นที่ตรวจสอบกิจการ ก็พบว่ามีลูกค้ามากมายจริงๆ และเมื่อมีโอกาสเข้าประชุม Opportunity Day ก็ได้รับคำอธิบายจากผู้บริหารของบริษัทว่าอนาคตจะดียิ่งขึ้นไปอีก ฟังอะไรก็ดูดีไปหมด  เราจึงเชื่อหมดใจ เพราะถ้าไม่ดีดังว่าจริงๆ ทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตต่อเนื่องได้ 2-3 ปีได้อย่างไร ลองนึกถึงหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศ หรือผู้จัดการกองทุนหุ้นเทคฯที่แสดงวิสัยทัศน์ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาดูครับ 
 

ในช่วงเวลาแบบนี้ หุ้น A จะได้การปรับการคาดการณ์ขึ้นในแทบทุกมิติ นักวิเคราะห์จะพร้อมใจกันปรับ EPS Growth สูงขึ้น เป้าราคาสูงขึ้น เทรดกันที่ P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมมากขึ้น แม้แต่นักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐานที่เคร่งครัดก็ยังเคลิ้มไปกับภาพการเติบโตเป็นพิเศษเหนือธรรมดา ยอมเข้าซื้อที่ราคาระดับ “แพง” 
 

อนิจจา ไม่มีอะไรเป็นขาขึ้นไปได้ตลอด การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา ธุรกิจคือการดีลกับความไม่แน่นอน ภาพดีในอดีตอาจจะมาจากตัวช่วยบางอย่างที่เราเองมองข้ามไป เช่น โควิด การล็อคดาวน์ หรือ supply shortage ตลาดที่สวยงามและหอมหวานขนาดนั้นย่อมต้องมีคู่แข่งรายใหม่บุกเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง รายได้และกำไรที่เคยเติบโตจะชลอตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นักวิเคราะห์จะเริ่มพูดว่า “Growth Missed” คือการเติบโตผิดจากเป้า และทยอยปรับลดค่า P/E Multiple ลง และปรับราคาเป้าหมายลง พร้อมกับข่าวร้ายที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ และเรื่อยๆ 
 

นักลงทุนที่เข้าซื้อ “เมื่อแพง” และเข้าสู่รอบขาลงแบบนี้ จำเป็นต้องหยุดทบทวน และจะเข้าใจว่าการลงทุนที่ดี ไม่ใช่ลงทุนในหุ้นที่ทุกอย่างดูดีไปหมด กำลังเป็นที่สนใจ เพราะเราจะเข้าซื้อที่ราคาแพงเป็นพิเศษ การมีหุ้นที่ต้นทุนสูงเกินปกติ จัดเป็นการเล่นเพื่อรอแพ้แบบหนึ่ง 

 

กรณีที่ 2 บริษัท B ดูแย่ พยายามทำอะไร ตลาดก็มองไม่ดี ... แต่อาจจะเป็นการลงทุนที่ดี 

มีบางช่วงเวลาที่บริษัทนั้น(หุ้น B) ราคาหุ้น underperform แพ้ตลาดอย่างมาก ราคาหุ้นปรับลดลงมาตลอด 2 ปี แม้มันจะเป็นผู้นำตลาด เป็นหุ้น Big Cap แถมยังเป็นหุ้นที่เคยได้รับความสนใจและถูกพูดถึง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เรามักคิดว่าบริษัทนั้น มีคุณสมบัติแย่ลงในด้านต่างๆ ถูกคู่แข่งไล่ตามใกล้ทัน ธุรกิจไม่มีคูเมืองใดๆจะป้องกัน แม้จะยังเป็นผู้นำในตลาดแต่คู่แข่ง 2-3 รายที่ไล่ตามมาดูน่ากลัว ผู้บริหารแม้ดูมีความพยายามแต่ไม่เคยเพียงพอต่อสายตานักวิเคราะห์และนักลงทุน 
 

ในฐานะนักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐาน เราอาจจะยังลังเลสงสัยว่าเราคิดไปเองหรือไม่ มันแย่ขนาดนั้นจริงหรือ เราจึงลงพื้นที่ตรวจสอบกิจการ ก็อาจจะพบว่ามีลูกค้าเข้าใช้บริการตามมาตรฐานของกิจการอยู่ แต่การลงทุนขยายกิจการถือว่าเล็กน้อยไม่สมศักดิ์ศรี มองภาพการเติบโตแล้วไม่เข้าตา จะโตได้มากกว่านี้อย่างไร 
 

ในช่วงเวลาแบบนี้ หุ้น B จะถูกปรับลดการคาดการณ์ลงในแทบทุกมิติ นักวิเคราะห์จะพร้อมใจกันปรับ EPS Growth ลดลงและราคาเป้าหมายลง เทรดกันที่ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม นักลงทุนสายเติบโตไม่สนใจ เพราะดูแล้วไม่มีการเติบโต(หรือโตต่ำ) นักลงทุนสายเทคนิคไม่สนใจเพราะราคาหุ้นไม่ไปไหน ออกไปทาง sideway down 
 

แต่นักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐานแบบเน้นมูลค่าบางคน อาจจะสนใจหุ้นสเปคนี้ คือหุ้นเกรด B ที่ราคาเกรด A ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงแข็งแกร่ง เพียงแต่ติดที่ไม่ค่อยมีสตอรี่การเติบโต แลกกับราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ Deep Value เงินลงทุนมีความคุ้มค่า บางครั้งสามารถลงทุนเพื่อรอการฟื้นตัวของราคา ในกรณีที่ผลประกอบการเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นได้ 
 

แน่นอนว่า ไม่มีอะไรเป็นขาลงไปได้ตลอด การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา ธุรกิจคือการดีลกับความไม่แน่นอน ภาพที่แย่ในอดีตอาจจะมาจากเหตุการณ์พิเศษบางอย่างที่กดดันราคาหุ้น B อย่างหนัก เช่น โควิด การล็อคดาวน์ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงชั่วคราว เมื่อภาวะปกติกลับมา รายได้และกำไรที่เคยชลอตัว จะทยอยฟื้นตัว ผลกำไรจะเริ่มเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และทยอยปรับเพิ่มค่า P/E Multiple ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายขึ้น พร้อมกับข่าวดีที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ และเรื่อยๆ ว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง 
 

นักลงทุนจะเข้าใจว่าการลงทุนที่ดี ไม่ใช่ลงทุนในหุ้นที่ทุกอย่างดูดีไปหมด แต่บางครั้งกลับเป็นการลงทุนในหุ้นพื้นฐานพอใช้ได้ “แต่มีราคาถูกอย่างมีนัยสำคัญ” และมีโอกาสที่ผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวอย่างชัดเจน 


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง