จากกระแสข่าวที่แม็คโครแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทและตราประทับของบมจ. สยามแม็คโคร เป็น บมจ. ซีพีแอ็กซ์ตร้า (CP AXTRA) รวมถึงชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXT ซึ่งแม็คโครแจ้งว่าจะยังดำเนินธุรกิจและใช้ชื่อทางการค้าแบบเดิม คือ MAKRO ผู้ลงทุนหลายรายอาจต้องการ Recap การเติบโตของบริษัทฯ ว่ามีปัจจัยอะไรที่สนับสนุนการเติบโตบ้าง และในอนาคตบริษัทฯ จะก้าวต่อไปในรูปแบบใด?
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต MAKRO ในปี 2565
- การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
- ธุรกิจแม็คโครเกี่ยวกับสินค้าปัจจัยสี่
- เศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้น
หลังผ่านการระบาดของ COVID-19 เป็นระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้า HoReCa (Hotel, Restaurant, Catering) มีสัดส่วนยอดขายที่เติบโต และแม็คโครซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบอาหารเพื่อผู้ประกอบการกลุ่ม HoReCa จึงเติบโตขึ้นตามไปด้วย รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ทำให้สินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น หนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ทุกครัวเรือนต้องใช้ก็มีอัตราการเติบโตดีตามไปด้วย นับเป็นกำลังหนุนอย่างดีที่ทำให้แม็คโครเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีรายได้รวมปี 2565 อยู่ที่ 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.1% (YoY) และกำไรสุทธิ 7,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% (YoY)
เปิดแผนดำเนินงานปี 66 ของกลุ่มธุรกิจแม็คโคร ทั้งในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง
นอกจากปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่กล่าวข้างต้น ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้วมาจนถึงปี 2566 บริษัทฯ วางงบลงทุนรวมประมาณ 25,300-27,500 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วน ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประมาณ 13,100-14,100 ล้านบาท โดยมีแผนขยายสาขาในประเทศ 12 สาขา ต่างประเทศ 6 สาขา และพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงธุรกิจในรูปแบบ O2O ที่เน้นขยายฐานลูกค้าช่องทางออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม ‘Makro PRO’ แอปพลิเคชั่นที่เชื่อมต่อทุกช่องทางการซื้อขาย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีระบบขนส่งสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สามารถเลือกเวลาส่งได้ตามความสะดวก
ในส่วนของ Lotus’s วางงบลงทุนประมาณ 12,200-13,400 ล้านบาท โดยใช้ในการขยายสาขาใหม่ขนาดใหญ่ 5 สาขา ขนาดกลางและเล็กมากกว่า 150 สาขา ปรับปรุงสาขาเดิม พัฒนาระบบดิจิทัล และพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่ง Lotus’s มีแผนขยาย SMART Community Center ต่อจากนอร์ธ ราชพฤกษ์ เพื่อให้เป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิง ร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่กิจกรรม
ดัน ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ สนับสนุน SMEs ไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลก
นอกจากการขยายตัวทางธุรกิจแล้ว แม็คโครยังสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและเกษตรกรที่เป็นคู่ค้าของทั้ง แม็คโคร และ Lotus’s ให้มีโอกาสขยายตลาดสู่ช่องทางการขายใหม่ รวมถึงตลาดระดับภูมิภาค ผ่านการอบรมและจับคู่ธุรกิจ (Business matching) ให้ผู้ผลิตสินค้าได้พบกับฝ่ายจัดซื้อ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบาย “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” นั่นเอง
โอกาสการลงทุนในหุ้น MAKRO ที่ไม่ควรพลาด
จากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ แม็คโคร และ Lotus’s มีการผนึกกำลังหลังบ้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และควบคุม บริหารจัดการรายจ่ายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เป็น 15% นั่นหมายความว่าหุ้นจะมีสภาพคล่องในการซื้อขายมากขึ้น ที่สำคัญ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนอีกด้วย เนื่องจากการปรับ Free Float ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดนั้น จะทำให้หุ้น MAKRO มีโอกาสเข้าสู่ระบบการคำนวณดัชนีที่สำคัญต่าง ๆ ที่นักลงทุนสถาบันใช้พิจารณาก่อนลงทุน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้หุ้นได้เติบโตมากขึ้นในอนาคต
นักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.siammakro.co.th
Reference:
https://www.settrade.com/th/research/analyst-research/22979
https://www.settrade.com/th/research/iaa-consensus/240384
https://wconnex.bualuang.co.th/s/article/freefloat?language=th
https://www.thebangkokinsight.com/news/stock-finance/stock/1030883/