สัปดาห์ก่อน มีโอกาสได้ไปร่วมงาน Digital Content War 2016 ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท จัดโดยอาจารย์ตูน สุธีรพันธุ์ สักรวัตร ผู้เชี่ยวชาญการตลาดดิจิทัล ได้เชิญผู้คร่ำหวอดในวงการ Digital Content (สื่อดิจิทัล) ตัวจริงเสียงจริง 3 ท่าน ทั้งจาก Prime Time ผู้ให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่ง ที่เติบโตเร็วที่สุด , Joox(Sanook) ผู้ให้บริการออนไลน์มิวสิค ที่กำลังมาแรงที่สุด และ MEB ผู้ให้บริการ ebook สะดวกซื้อสัญชาติไทย มาเสวนาเปิดหูเปิดตานักศึกษา บุคคลทั่วไป รวมทั้งนักลงทุนเด็กโข่งอย่างผมเอง ที่ไปร่วมฟังกะเขาด้วย
ถามว่า ทำไมนักลงทุน โดยเฉพาะแนวปัจจัยพื้นฐานวีไอ ควรต้องเปิดหูเปิดตา ศึกษาเรื่องสื่อดิจิทัลเหล่านี้? เหตุผลคือ...เพราะโมเดลธุรกิจในโลกนี้กำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผนวกเสริมพลังอินเทอร์เน็ต โมเดลธุรกิจที่ไม่เคยเป็นไปได้ จะเป็นไปได้ และจะเติบโตอย่างมาก ท่านเชื่อหรือไม่ว่า
• ผู้ให้บริการแท๊กซี่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ Uber ... ไม่มีรถแท๊กซี่เป็นของตัวเอง แม้แต่คันเดียว
• เครือข่ายห้องพัก ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ AirBnB ...ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน อาคาร ห้องพัก ที่ไหนเลย
• ร้านค้าปลีก ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก คือ Alibaba... ไม่เคยต้องเก็บสินค้าในโกดังแม้แต่ชิ้นเดียว
• เจ้าของสื่อ ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก คือ Facebook… ไม่เคยต้องมีคอนเท้นท์ของตัวเองเลย
ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจยุคใหม่กำลังท้าทายโลกยุคเก่า แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมเชื่อว่า โมเดลธุรกิจใหม่ๆ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตาม ทำความเข้าใจ ก่อนที่ธุรกิจที่เราลงทุนถือหุ้นอยู่จะถูก disrupt หรือโดนทำลายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค จากแบบเดิมไปสู่สิ่งใหม่
เมื่อสื่อดิจิทัลเริ่มคืบคลานเข้ามาเปลี่ยนอุตสาหกรรมคอนเท้นต์(เนื้อหา) สิ่งนี้จะกระทบชีวิตของผู้คน ทั้งการอ่านหนังสือ ดูหนัง และฟังเพลง การเสพคอนเท้นต์บนสื่อแบบดั้งเดิมที่เราเคยทำกันมาช้านานกำลังจะเปลี่ยนไป นักลงทุนอาจจะต้องจับตามอง การเข้ามาของสื่อดิจิทัล และประเมินความน่าสนใจของธุรกิจดั้งเดิมใหม่ เพราะผู้ให้บริการดิจิทัลกำลังเห็นตลาดขนาดใหญ่อย่างชัดเจนขึ้น เห็นโอกาสมากขึ้น การลงสนามแย่งตลาดกับธุรกิจดั้งเดิม ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจ E-book E-Magazine อย่างอุ๊กบี หรือ MEB จะทำให้การแข่งขันในสมรภูมิ “ธุรกิจสำนักพิมพ์และร้านขายหนังสือ” เป็นอย่างไร ? คนยุคปัจจุบันยังใช้เวลาส่วนใหญ่ทุกวัน เสพข้อมูลจากการอ่าน Facebook Twitter และดูภาพจาก Instagram ซึ่งก็ล้วนเข้ามาแย่งเวลาการอ่านของลูกค้าออกไป แถมมีคอนเท้นท์ใหม่ๆให้อ่านทุกวัน และยังฟรี
นี่ไง...ปีที่ผ่านมาสิ่งพิมพ์ นิตยสาร จึงปิดตัวลงไปอย่างมากมาย
ธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่ง อย่าง Netflix, iFlix, PrimeTime, Play Movies (Google Play) และ Hollywood HD จะทำให้การแข่งขันในสมรภูมิ “ธุรกิจโรงหนัง ช่องทีวีดิจิทัล และเคเบิ้ลทีวี” เป็นอย่างไร ? ในยามที่เด็กยุคใหม่กำลังปฏิเสธการเสพรายการโทรทัศน์ที่จัดผังรายการมาตายตัว ตามวันเวลาที่ช่องกำหนด มาเป็นการเสพย้อนหลัง ทุกที่ ทุกเวลา ตามที่ผู้บริโภคกำหนด ผ่านการดูหนัง ดูซีรีย์ ดูข่าวออนไลน์ ที่สามารถดูคอนเท้นท์ที่ชอบได้ทั้งวันทั้งคืน
นี่ไง..ช่องรายการทีวีดิจิตอลหลายช่อง ถึงได้ประสบความยากลำบาก กระทั่งหยุดออกอากาศในบางช่อง
ธุรกิจมิวสิคสตรีมมิ่ง อย่าง Joox, Deezer, และ KKbox จะทำให้การแข่งขันในสมรภูมิ “ธุรกิจค่ายเพลง ช่องวิทยุ” เป็นอย่างไร ? ในยามที่คนรุ่นใหม่กำลังตื่นตัวกับการฟังเพลงสตรีมมิ่ง ผ่าน Playlist ที่หลากหลาย ดึงดูดงบโฆษณาที่แปลกใหม่ ท้าทายสื่อรุ่นเก่าอย่างน่าสนใจ
นี่ไง..ช่องรายการวิทยุ และค่ายเพลง ถึงต้องประสบความยากลำบาก เอเจนซี่กำลังงุนงงและไม่แน่ใจ กับการแบ่งเงินซื้อโฆษณาจากสื่อเก่า โมเดลธุรกิจใด คือผู้ที่จะได้ไปต่อ ไปสู่ความสำเร็จ เติบโตสร้าง S-Curve ใหม่ในสมรภูมิสื่อดิจิทัล ?
สงครามแย่งชิงรายได้ ระหว่างสื่อรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีอนาคตของกิจการเป็นเดิมพัน
------------------------------
สนใจคอร์ส ติวหุ้นรวยด้วย VI ของคุณอธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง) คลิก