ผู้จัดการตลท. ชี้ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงแรงวันนี้ ยังไม่เห็นการถูกบังคับขาย และการทำชอร์ตเซลที่ผิดปกติแต่อย่างใด มองตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงแรง เหมือนกับตลาดหุ้นทั่วโลก มาจากปัจจัยปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐ แต่ชี้ว่าทางการสหรัฐ มีมาตรการที่ออกมาเด็ดขาดและรวดเร็วแล้ว เชื่อว่ารองรับได้ ขณะเดียวกันจะหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อรื้อฟื้นกองทุน LTF กลับมาใหม่
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท. เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลง 49.18 จุด หรือ 3.13% มาอยู่ที่ 1,523.89 จุดนั้น ซึ่งการปรับตัวลงดังกล่าวไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้น แต่ตลาดหุ้นเอเซีย และตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน โดยมีปัจจัยที่กระทบมีทั้งราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ปรับตัวลงมากจึงส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นได้ช้า และการปรับขึ้นดอกเบี้ย และสภาพคล่องในลดลง และเหตุการณ์ธนาคารในสหรัฐที่ประสบปัญหา แต่ทางภาครัฐก็ได้ออกมาตรการที่เข้มแข็ง และรวดเร็ว โดยมีการรับประกันเงินฝาก ซึ่งเชื่อว่ามาตรการที่ออกมาจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น ในวันนี้พบว่านักลงทุนต่างชาติ และสถาบันในประเทศขาย ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อหุ้นเกือบ 1 หมื่นล้าน ซึ่งการที่ต่างชาติขายหุ้นดังกล่าว เกิดจากการขายทั่วโลก เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเข้ามากระทบ ต่างชาติก็จะขายออกมา ขณะที่ตลาดหุ้นไทย เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องดี แต่ปิดทำการในช่วงท้ายๆ ในภูมิภาค ดังนั้นจึงทำให้มีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติออกมา
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นในวันนี้ยังไม่เห็นการถูกบังคับขาย รวมถึงการใช้เครื่องมือชอร์ตเซลก็ยังไม่เห็นการซื้อขายที่ผิดปกติแต่อย่างใด ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์เตรียมจะหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อที่จะผลักดันกองทุน LTF กลับมาอีกครั้ง เพราะช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อของกลุ่มกองทุนลดลง ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นลงมาเป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาว ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้หายไปเยอะ เนื่องจากไม่มีการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ดังนั้นตลท. จะร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อหารือกับภาครัฐในเรื่องดังกล่าว
"ฝากนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์ข่าวสารต่างๆ และมองว่าทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นข่าวว่ามีอะไรที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย รวมถึงยังไม่เห็นมีข่าวอะไรที่กระทบต่อสถาบันการเงินของไทย และการที่ทางการของสหรัฐออกมาตรการที่รวดเร็วและเด็ดขาดนี้มา จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้นได้"ดร.ภากร กล่าว
------------------------------------------------------------------------------
Reference
ทันหุ้น