ใครๆ ก็พูดกันว่า AI จะมาแทนแรงงานจำนวนมาก ..แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่โดนทดแทน แถมมีโอกาสรุ่งพุ่งแรงในอนาคต โดยงานวิจัยของ Dr. Tony Wagner, co-director of Harvard's Change Leadership Group พบว่า เด็กรุ่นใหม่ต้องเก่งใน 7 เรื่องนี้
1. Critical thinking and problem-solving ..คือ คิดเป็น และ แก้ปัญหาได้ ...จากเดิมที่เราสอน ท่องจำ แล้วทำตาม ต้องสอนให้ นักเรียน ฝึกตั้งคำถาม ออกข้อสอบเอง และ แก้ปัญหาจริง
2. Collaboration across networks and leading by influence ...อันนี้คือ การสอนให้เด็กมีทักษะของการทำงานร่วมกัน ...มันคือ การขยายการเรียนรู้ในเรื่องกิจกรรมนอกห้องเรียน เพราะ กิจกรรมจะสอนการทำงานร่วมกัน และ ฝึกทักษะของการเป็นผู้นำ ...จากเดิม พ่อแม่จะคิดว่า ให้ลูกตั้งใจเรียนอย่างเดียว ซึ่งยุคนี้ กิจกรรมนอกห้องเรียน สำคัญต่อการไปทำงานให้รุ่งมากกว่า
3. Agility and adaptability ...อันนี้คือ การสามารถรับมือกับข้อผิดพลาด เรียนรู้แล้วเดินต่อ ...พ่อแม่ยุคก่อนจะเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่ให้โอกาสให้ลูกกล้าทำอะไร เพราะถ้าไม่เชื่อฟัง แล้วพลาดก็จะถูกลงโทษซ้ำเข้าไปอีก ...ทำให้เด็กไทยกลัว ไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ ไม่กล้าลองผิดลองถูก ...ซึ่งการกล้าลองผิดลองถูก ไม่กลัวล้ม แล้วเรียนรู้จากประสบการณ์กลายเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างให้เป็นคนเก่งที่โลกยุคใหม่ต้องการ
4. Initiative and entrepreneurialism ...คิดแบบผู้ประกอบการ สำคัญมากในยุคนี้ เพราะ บริษัทหรือนายจ้าง ยังเอาตัวเองไม่รอด ...แต่ปัญหาคือ เรายังติดระบบการศึกษาที่สร้างลูกจ้าง ไม่ได้สร้างนายจ้าง
ลูกจ้าง คือ เด็กที่ทำข้อสอบเก่ง แล้วไม่มีผิดพลาด แล้วก็ต้องทำคนเดียว ต้อง One Man Show
แต่ผู้ประกอบการ ต้อง ตั้งโจทย์เอง ข้อสอบคือชีวิตจริง ..ลอกข้อสอบคนอื่นก็ได้ ร่วมมือกับคู่แข่งก็ได้ เขาเรียก Team Work
ถ้าโรงเรียนจะสอน ผู้ประกอบการ ต้องเปลี่ยนอาจารย์เป็นแค่โค๊ช ...ไม่สอน แต่คอยประคอง ...นักเรียน เหมือน นักฟุตบอล ...ที่ต้องชนะใจแฟนบอล และ ทำประตูให้ได้ด้วย
พูดง่ายๆ เราควรสอนเด็กให้ฝึกเป็น Star ไม่ใช่สอนเด็กให้เป็น Product เป็นแค่สินค้าเหมือนในปัจจุบัน
5. Effective oral and written communication ...ต้องสอน พูด และ เขียน ให้เก่ง ...ทักษะนี้คือ ‘การสื่อสาร’ นั่นเอง ...จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณคิดเก่ง แต่สื่อสารไม่เป็น
เด็กต้องจับขึ้นเวที ผลัดกันพูด เป็นวิชาบังคับ ...เรื่องการพูด ไม่มีพรสวรรค์หรอก อันนี้ผมรู้ดี เพราะ เจอกับตัวเอง ...สมัยเด็กผมกลัวเวที ไม่กล้าพูด ...แต่วันนี้มีอาชีพเป็นนักพูด ...ไม่ได้มาจากพรสวรรค์เลย มันมาจากงานผม มันบังคับให้พูด ค่อยๆ ฝึก จากเวทีเล็ก จนใหญ่ขึ้นไป
เรื่องนี้ ถ้าผมทำได้ บอกตรงๆ มันคือทักษะที่ฝึก ฝึก และ ฝึก ...ใครก็ทำได้ ฝึก ฝึก !!
6. Accessing and analysing information ...ทักษะการเลือกข้อมูลที่จำเป็น ...สมัยก่อน คนเก่งคือ อ่านเยอะ มีข้อมูล แต่ยุคนี้ ทุกคนมีข้อมูลมากเกินไป ...ข้อมูลมันอยู่บนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว
เด็กยุคนี้ต้องฝึกเป็น Curator คือ ความสามารถในการเลือกข้อมูลที่จำเป็น
You are what you eat เช่นกัน ข้อมูล ถ้าเสพแต่สิ่งเน่า เราก็เน่า ...เลือกเสพข้อมูล ...โลกวันนี้น้ำเน่ามาก เพราะ ทักษะการเลือกเสพข้อมูลเรายังไม่เก่ง ตรงนี้แหละ ที่ต้องพัฒนาคนรุ่นใหม่
7. Curiosity and imagination ...พัฒนาความอยากรู้ และ กล้าฝัน ...อันนี้ตรงข้ามกับเด็กไทยเป็นที่สุด ...เด็กเราไม่กล้าถาม เพราะ สังคมเราบีบว่า ถ้าใครยกมือถาม มันดูเสร่อ ..ถ้าถามอาจดูโง่ ...เลยโง่จริงๆ เพราะ ไม่ได้ถาม
‘อย่าเพ้อฝัน’ ไปทำการบ้าน ....อันนี้ทำให้เด็กเรา เป็นลูกจ้างที่เก่ง แต่ไม่เป็นนายจ้างที่ดี ...อย่าว่าแต่ไปถึงขั้นนายจ้างเลย ขั้นแรก พัฒนาจากแนวคิดลูกจ้าง ให้มาเป็นแนวคิดนายตัวเอง ก็ยังยากเพราะ ทักษะการตั้งโจทย์ ความอยากรู้ และ การกล้าฝัน นี่แหละ ที่ต้องฝึกฝน
ก็ลองไปปรับใช้กับลูก กับ เยาวชน ของเราดูกันครับ