#แนวคิดด้านการลงทุน

เขย่าหุ้นน้ำมันด้วย "แบตเตอรี่"

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
113 views

 

ไม่ใช่พาวเวอร์แบงค์ที่ใช้ชาร์จมือถือ... แต่เป็นแบบติดผนังบ้าน!

และมันจะมากระทบหุ้นน้ำมันที่พวกเราติดดอยกันอยู่หรือไม่?

 

หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วว่า อีลอน มาส์ก (เจ้าของธุรกิจบริษัทเทสลา ผลิตรถไฟฟ้า, SpaceX และอีกหลายบริษัท ผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนโฉมโลกใบนี้ ให้หลุดพ้นจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ก๊าซ และหันมาใช้พลังงานทดแทน เช่นพลังงานแสงอาทิตย์แทน) กำลังเร่งผลิต “แบตเตอรี่บ้าน (Powerwall)” ที่กำลังเป็นที่นิยมในออสเตรเลียเป็นอย่างมาก

 


 

“แบตเตอรี่บ้าน (Powerwall)” คืออะไร?


เปรียบเทียบง่ายๆ แบตเตอรี่บ้านก็คล้ายกับแบตสำรองที่เราใช้ชาร์จโทรศัพท์มือถือยามฉุกเฉินนั่นแหละ แต่เป็นแบตขนาดยักษ์ที่ติดอยู่ที่ผนังบ้าน ไว้กักเก็บพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ในตอนกลางวัน ชาร์จไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อนำมาใช้ในช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

 

 


บุกประเทศที่เสี่ยงน้อยที่สุดก่อน


ทำไมต้องออสเตรเลีย? เพราะฝรั่งแคร์เรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนไทยหรือ? 

ไม่ใช่หรอกครับ แต่เป็นเพราะมันมีเรื่องตัวเงินมาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้มีคำตอบครับ (อันนี้สอนวิธีการวิเคราะห์พื้นฐานธุรกิจไปด้วยในตัวเลย 55) 

 

1. มีกำลังซื้อ

 

อีลอน มาส์ก ได้พิจารณาอย่างดีแล้วว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่โดยเฉลี่ยประชากรมีกำลังซื้อ เพราะราคาของแบตเตอรี่บ้านรุ่นมาตรฐานนี้ ตกอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 บาทเลยทีเดียว (ซึ่งยังไม่รวมค่าติดตั้งและการเชื่อมต่อระบบไฟอีกต่างหาก) ประเทศที่กำลังซื้อไม่สูงมากอย่างประเทศไทย คงมีเพียงไม่กี่บ้านที่จะลงทุนซื้อแบตในราคาระดับนี้ได้

 

2. คาร์บอนเครดิต

 

ที่ประเทศออสเตรเลียมีการส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยบ้านที่เลือกใช้พลังงานทดแทน จะได้ค่าชดเชยบิลค่าไฟฟ้าบางส่วน เจ้าของบ้านจึงมีจุดคุ้มทุนในการลงทุนติดตั้งแบตเตอรี่บ้านที่เร็วขึ้น

 


3. ขายไฟคืน ได้กำไร 

 

ในประเทศออสเตรเลียค่าไฟในช่วงเวลากลางคืนสำหรับบ้านอยู่อาศัยทั่วไป จะแพงกว่าช่วงเวลากลางวัน  เจ้าของบ้านจึงสามารถขายไฟที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่คืนสู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง

 


สรุป... น้ำมันจะหมดยุคแล้วใช่ไหม?

 

ยังครับ ไม่น่าจะง่ายแบบนั้นในเร็วๆวันนี้ เพราะ:

 

- น้ำมันดิบยังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และพาหนะอีกหลายประเภทเช่น เครื่องบิน รถไฟ เรือเดินสมุทร รถบรรทุกหนัก ที่คงยังไม่ได้วิ่งด้วยแบตเตอรี่กับพลังงานแสงอาทิตย์ในเร็ววันนี้

 

- หลายประเทศในโลกยังไม่มีระบบค่าชดเชยพลังงานทดแทน เช่น คาร์บอนเครดิต เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสีเขียว  ต้นทุนในการติดตั้งและอุปกรณ์ก็ยังคงแพงสำหรับคนในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติถูกลงมาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลก็ลดลงด้วย  

 

- ลิเที่ยม (Lithium) ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ประเภทนี้ เป็นหนึ่งในแร่หายากมาก (Rare Earth) และปัจจุบันประเทศที่ส่งออก Rare Eacth มากที่สุดในโลกก็ไม่ใช่ใครครับ คือประเทศจีนนั่นเอง (หลายคนคงเริ่มร้องอ๋อว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้ซับซ้อนนัก) 

 

เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่า อีลอน มาส์ก จะสามารถชักจูงคนทั้งโลกให้มาใช้แบตเตอรี่บ้านหรือรถไฟฟ้าได้จริง  แต่เมื่อเริ่มมีปริมาณความต้องการแบตเตอรี่บ้านเป็นจำนวนมาก แล้วจะเอาวัตถุดิบจากไหนมาทำแบตเตอรี่? 

 

หลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา ประเด็นนี้ได้ถูกนำมางัดข้อกันทางการเมืองบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อญี่ปุ่นจะพัฒนาแบตเตอรี่คุณภาพสูงเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว  ก็ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ เพราะจีนงัดข้อด้วยการไม่ส่งออกแร่ให้ญี่ปุ่นซะอย่างงั้นเลย โครงการแบตเตอรี่คุณภาพสูงของญี่ปุ่นจึงสะดุดมาตลอด

 

เว้นเสียแต่ว่าในอนาคตจะหาวัตถุดิบอื่นมาทดแทน Rare Earth ได้  เรื่องนี้ก็พูดกันมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดสามารถทำได้

 

ต้องจับตากันครับว่า นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกใบนี้หรือไม่ 

 

ส่วนใครที่ติดดอยหุ้นน้ำมันอยู่ ต้องลุ้นกันหน่อยว่าก้อนที่แปะฝาบ้านนี้จะเกิดหรือไม่?

 


ภาพจาก: Mashable


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง