หลายๆครั้ง เรามักจะได้ยินคำว่า "มหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น "
พูดง่ายๆ คือ เงินต้นที่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเงินต้นเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งเวลาเรายกตัวอย่าง เรามักจะยกตัวเลขที่ 10%
โดยปีแรก เริ่มต้นด้วยเงิน 100 บาท พอสิ้นปีจะได้ดอกเบี้ย 10 บาท ทำให้มูลค่าเงินลงทุนสิ้นปีเป็น 110 บาท
หลังจากนั้น ปีที่สอง ก็จะได้เงินเพิ่มเป็น 121 บาท
พอปีที่สาม ก็จะได้เงินเพิ่มมาเป็น 133.1 บาท
อะไรประมาณนั้น ...
หรือตัวอย่างสุดคลาสสิคเวลาอ้างถึงดอกเบี้ยทบต้น มักจะพูดถึง
ให้เราเลือกระหว่างเงิน 10 ล้านบาท โดยได้ดอกเบี้ย 1.5% เป็นเวลา 1 ปี
หรือเงิน 25 สตางค์ แต่เพิ่มค่าเป็น 2 เท่า เป็นเวลา 30 วัน
จะเลือกอะไร ? ..
โดยเงิน 10 ล้าน เมื่อได้ดอกเบี้ย 1.5% เราจะได้ดอกเบี้ย 1.5 แสนบาท รวมแล้วเราจะได้เงินเมื่อครบปี คือ 10,150,000 บาท
แต่ถ้าเราเลือกเงิน 25 สตางค์ เมื่อครบ 1 เดือน เราจะมีเงินประมาณ 2.14 พันล้านบาท
นี้คือเรื่องราวของดอกเบี้ยทบต้น ...
แน่นอนว่า เรื่องของดอกเบี้ยทบต้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์ คือความจริง และเราสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
แต่การจะได้ประโยชน์จาก "ดอกเบี้ยทบต้น" แบบจริงๆ จะต้องอาศัยเงื่อนไขอีก 2 ประการ คือ ความอดทน และความสม่ำเสมอ
... ความอดทน คือ การข่มใจไม่ให้ขายหุ้นทิ้งไประหว่างทาง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ส่วนต่างราคาหุ้นหลายเท่า หรือขาดทุนหนักๆจนเราอยากจะขายทิ้งไป
... ความสม่ำเสมอ คือ การนำเงินปันผลที่เราได้รับ กลับไปลงทุนใหม่ (Re Invest) ตลอด โดยไม่ดึงเงินปันผลมาซื้อในสิ่งของที่อยากได้
นี้คือ 2 เงื่อนไข ที่เราต้องยึดปฏิบัติ ขาดไปข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
เราถึงจะได้ผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นแบบจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราอยู่ในวัยทำงานที่ออมเงินได้มากขึ้น การเติมเงินเข้าพอร์ตหุ้นเพื่อลงทุนเพิ่ม จะเป็นการ "เร่งความรวย" ให้เรามั่งคั่งเร็วขึ้นกว่าเดิม